“เอชเอสบีซี” สถาบันการเงินจากอังกฤษ รายงานกำไรครึ่งปีแรกของปีนี้หายไปมากถึง 65% จากผลกระทบของ COVID-19 ขณะเดียวกันยังคาดว่าอาจต้องสำรองหนี้เสียเพิ่มมากกว่าเดิมในปีนี้ด้วย
HSBC สถาบันการเงินรายใหญ่ของอังกฤษ ได้รายงานกำไรของครึ่งปีแรกอยู่ที่ 4,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงไป 65% เมื่อเทียบกับปี 2019 ที่ผ่านมา และกำไรลดลงมากกว่านักวิเคราะห์ไว้ ขณะที่ในงบการเงินของ HSBC ยังมีหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นถึงเกือบๆ 7 เท่า โดยสาเหตุสำคัญมาจากธนาคารต้องตั้งสำรองหนี้เสียที่เกิดจากผลกระทบของ COVID-19
Noel Quinn ซึ่งเป็น CEO ของ HSBC ได้กล่าวว่า ในงบการเงินช่วงครึ่งปีแรกของธนาคารนั้นได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง จากธนาคารกลางหลายๆ ประเทศได้ปรับลดดอกเบี้ยลง ความผันผวนของตลาด รวมไปถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในด้านภูมิรัฐศาสตร์
สถาบันการเงินรายใหญ่ของอังกฤษรายนี้ได้หันมาโฟกัสกับธุรกิจในเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน โดย HSBC เองเป็นหนึ่ง 1 สถาบันการเงินที่สนับสนุนกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของฮ่องกง และมีความพยายามที่จะบาลานซ์ความสัมพันธ์ระหว่างรายได้หลักๆ ในจีน กับการทำธุรกิจกับสถาบันการเงินอื่นๆ ในตะวันตก ซึ่งเป็นความท้าทายของธนาคารอย่างมาก
ขณะเดียวกัน HSBC เองก็อยู่ในสภาพที่กำลังปรับโครงสร้างองค์กรอย่างหนัก เนื่องจากสภาวะด้านเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา รวมไปถึง COVID-19 ทำให้ธนาคารต้องเร่งเดินหน้าแผนการปลดพนักงานถึง 35,000 รายไวขึ้นกว่าเดิม โดย CEO ของ HSBC ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ในสภาวะที่เศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมด้านการเงินเปลี่ยนไป ทำให้ธนาคารต้องปรับตัวเพื่อที่จะแข็งแกร่งมากขึ้นและยั่งยืนกว่าเดิม
ไม่เพียงแค่นั้น HSBC ยังได้แจ้งว่าในปีนี้ธนาคารอาจต้องสำรองหนี้เสียสูงสุดถึง 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 417,000 ล้านบาท
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
Related
"หายไป" - Google News
August 03, 2020 at 03:15PM
https://ift.tt/30l67oY
HSBC รายงานกำไรครึ่งปีแรกหายไป 65% จากผลของ COVID-19 และอาจต้องสำรองหนี้เพิ่ม - Brand Inside
"หายไป" - Google News
https://ift.tt/3bJg2bb
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://ift.tt/3c5Fzvo
Bagikan Berita Ini
0 Response to "HSBC รายงานกำไรครึ่งปีแรกหายไป 65% จากผลของ COVID-19 และอาจต้องสำรองหนี้เพิ่ม - Brand Inside"
Post a Comment