นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2563 ยังคงมีทิศทางที่ย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะยังคงติดลบหนักถึง -10% ดังนั้น การที่นายปรีดี ดาวฉาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะมาขายฝันว่าปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะขยายได้ 4-5% ซึ่งถึงเป็นจริง ก็ยังฟื้นได้ถึงครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจไทยที่จะติดลบในปีนี้ และก็ไม่แน่ว่าจะทำได้หรือไม่ จากปัจจัย วิกฤตไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่รู้เลยว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด ค่าเงินบาทที่แข็งค่า และความไม่สงบทางการเมืองที่นักศึกษาและประชาชนจำนวนมากมีต่อรัฐบาล และตัวนายกฯ
นอกจากนี้ ยังมีข่าวความขัดแย้งในการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง จนต้องถอนวาระออกจากการประชุมคณะรัฐมนตรี ทำให้กังวลว่าถ้า รมว.คลัง ยังไม่สามารถแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงของกระทรวงได้ตามที่เห็นชอบแล้ว การแก้ปัญหาเศรษฐกิจยิ่งจะต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน เพราะข้าราชการระดับสูงจะไม่เชื่อฟัง รมว.คลังอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม การที่ นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีแนวคิดที่จะเพิ่มการจ้างงานเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะตลอด 6 ปีที่ผ่านมารัฐบาลแทบไม่ได้สร้างงานใหม่ๆเลย เพราะการลงทุนภาคเอกชนทั้งจากต่างประเทศและในประเทศมีน้อยมาก แถมยังมีการโยกย้ายการผลิตและปิดโรงงาน ทำให้คนตกงานเพิ่มขึ้น แต่ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ การเพิ่มการจ้างงานจำนวน 1 ล้านตำแน่งตามที่บอกไว้ไม่ใช่เรื่องง่าย และน่าจะฝันเกินจริง ดังนั้น เรื่องที่ควรเร่งทำก่อนคือการรักษางาน ไม่ให้คนตกงานเพิ่ม ควรเร่งเข้าช่วยเหลือบริษัทที่จะสามารถไปรอดได้ในอนาคตโดยอนุมัติซอฟท์โลนดอกเบี้ยต่ำ อีกทั้งผูกติดเงื่อนไขการจ้างงานด้วย ซึ่งน่าจะให้ผลดีมากกว่า อีกทั้งหากจำเป็นรัฐอาจตั้งหน่วยงานใหม่ต่างหาก เพื่อเข้าถือหุ้นบางส่วนพร้อมกันไปด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจ อีกทั้ง รัฐบาลจะได้ประโยชน์เมื่อเศรษฐกิจฟื้นและนำมาชดเชยความเสียหายของรัฐ จึงอยากให้นำไปพิจารณา
นอกจากนี้ นายพิชัย กล่าวว่า นอกจากเรื่องเรือดำน้ำแล้ว อีกเรื่องที่ถกเถียงกันอย่างมากคือ คดีเหมืองทอง ที่มีปัญหาฟ้องร้องกันอยู่ จากการใช้ ม.44 ยกเลิก ทำให้มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจำนวนมาก และมีโอกาสสูงที่ไทยจะเสียค่าโง่ในความผิดพลาดครั้งนี้ เฉพาะค่าทนายก็ต้องจ่ายถึง 389 ล้านบาท และมีการแอบจ่ายกันมา 3 ปีติดกันแล้ว โดยที่ประชาชนไม่รู้เรื่องเลย จนมาถึงปีนี้ที่ต้องจ่ายค่าทนาย 111 ล้านบาท ทั้งๆที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศไว้ว่าจะรับผิดชอบเอง และหากแพ้คดีอาจต้องจ่ายหลายหมื่นล้านบาท ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะมีคำตัดสินว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้นการจะให้รัฐจ่ายค่าความเสียหายให้แก่การกระทำของคนที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จึงต้องรับผิดชอบความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
นายพิชัย กล่าวต่อว่า หากมองย้อนหลัง จะพบว่าระบอบเผด็จการได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างใหญ่หลวง โดยได้ทำให้เศรษฐกิจไทยตกต่ำมาตลอด 6 ปี ทำลายโอกาสของประเทศและประชาชนที่จะมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น และไม่ได้สะสมความมั่งคั่งไว้เลย ดังนั้นพอมาเจอวิกฤตไวรัสโควิด เศรษฐกิจไทยจึงได้ทรุดหนักมากกว่าประเทศอื่นๆในเอเชีย ซึ่งเชื่อว่าเมื่อใดที่ พล.อ.ประยุทธ์ ลุกจากอำนาจ หากได้มีการตรวจสอบ น่าจะต้องพบความผิดปกติหลายเรื่องที่ซุกซ่อนอยู่ และจากประวัติศาสตร์ในอดีตถึงปัจจุบันจะพบว่าหลังจากเผด็จการลุกจากอำนาจ จะพบการทุจริตคอรัปชั่นจำนวนมากเสมอ ที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ในระหว่างอยู่ในอำนาจ ดังนั้น จึงอยากให้เริ่มมีการตรวจสอบกันเลยตั้งแต่ตอนนี้ เพราะประชาชนที่ลำบากจะได้รับรู้ว่าเงินภาษีที่จ่ายไปตกหล่นไปอยู่กับกระเป๋าใคร และจะเป็นบทเรียนว่าการปฏิวัติรัฐประหารจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก และให้การปฏิวัติรัฐประหารมันจบที่รุ่นเรา
"ล้มเหลว" - Google News
August 31, 2020 at 10:13AM
https://ift.tt/2YPpmFZ
"พิชัย"ห่วงแก้เศรษฐกิจส่อแววล้มเหลว - innnews - สำนักข่าว ไอเอ็นเอ็น
"ล้มเหลว" - Google News
https://ift.tt/2Kza010
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://ift.tt/3c5Fzvo
Bagikan Berita Ini
0 Response to ""พิชัย"ห่วงแก้เศรษฐกิจส่อแววล้มเหลว - innnews - สำนักข่าว ไอเอ็นเอ็น"
Post a Comment