Search

ส่องตัวเป็นๆ NISSAN KICKS e-POWER น่าใช้หรือไม่? - ไทยรัฐ

soho.prelol.com

e-Power (อี-เพาเวอร์)
เทคโนโลยีที่ถือเป็นเอกสิทธิของ Nissan เปิดตัวในปี พ.ศ. 2560 มีความแตกต่างจากระบบขับเคลื่อนที่ใช้ไฟฟ้า 100% เครื่องยนต์ e-Power มีส่วนประกอบสองส่วนคือ มอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็ก ซึ่งเครื่องยนต์สันดาปภายในจะช่วยผลิตกระแสไฟฟ้า ให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าเมื่อต้องการใช้พลังงาน โดยระบบขับเคลื่อนแบบนี้ไม่ต้องใช้การประจุไฟฟ้าจากสถานีชาร์จภายนอก หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือมันเป็นรถไฟฟ้าที่ไม่ต้องเสียบปลั๊กชาร์จไฟเข้าแบตฯ เนื่องจากมีเครื่องยนต์เอาไว้ปั่นไฟ

สำหรับข้อดีของ ระบบขับเคลื่อน e-Power ก็คือ มีการปล่อยก๊าซ CO2 น้อยกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายใน ระบบขับเคลื่อนอี-เพาเวอร์ ให้ความเงียบมากกว่า มีการสั่นสะเทือนที่น้อยกว่า และไม่ต้องพึ่งพาสถานีชาร์จไฟฟ้า โดยสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากเครื่องยนต์ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบ e-Pedal ที่ผู้ขับขี่สามารถออกรถ เร่ง และลดความเร็ว ได้โดยใช้เพียงแป้นเหยียบเดียวในการขับขี่ วิศวกรของ Nissan แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะสร้างรถยนต์ประหยัดเชื้อเพลิงและปล่อยมลพิษต่ำ Kicks e-Power ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อทำให้มันเป็นรถที่เหมาะกับการขับใช้งานในเมือง แนวคิด e-Power เครื่องยนต์ตัวเล็กมีหน้าที่แค่ปั่นกระแสไฟฟ้าเข้าไปในแบตเตอรี่แต่เพียงอย่างเดียว ไม่ได้เอามาใช้ขับเคลื่อนแต่อย่างใดทั้งสิ้น ฟังดูคล้ายกับแนวคิดของรถ BMW i3 รุ่น range extender ซึ่งวางเครื่องยนต์ 2 สูบเอาไว้คอยปั่นไฟป้อนมอเตอร์ขับเคลื่อน โดยที่เครื่องยนต์ตัวเล็กไม่ได้ใช้ขับเคลื่อนเสริมแรงร่วมกับมอเตอร์ e-Power ของ Nissan ยังเข้าไปจัดการกับระบบประหยัดพลังงาน การคายมลพิษที่ต่ำของเครื่องขนาดเล็กช่วยทำให้สภาพแวดล้อมด้านอากาศในเมืองใหญ่ดีขึ้น แม้จะยังมีเครื่องยนต์แต่ก็ไม่ได้ใช้เครื่องตัวเล็กขับเคลื่อนล้อหน้า มอเตอร์ประสิทธิภาพสูงที่วิศวกรของ Nissan มีความภาคภูมิใจซึ่งใช้สำหรับขับเคลื่อนแทนเครื่องยนต์นั้นใช้งานได้จริง แต่ก็ไม่ได้ดึงหนักเหมือนรถ Hybrid ทั่วไปที่มีการผสานกำลังของเครื่องยนต์และมอเตอร์เทแรงบิดไปยังล้อขับเคลื่อนคู่หน้า เนื่องจากน้ำหนักของแบตเตอรี่และชุดมอเตอร์ที่เพิ่มเข้ามาทำให้มันตัวหนักกว่า Almera รุ่นเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร อยู่พอสมควร

แนวคิด e-Power จาก Nissan ใช้หลักการ range extender นั่นก็คือ เครื่องยนต์ตัวเล็กแค่ 3 สูบ จะรับหน้าที่ปั่นไฟโดยมีตัวแปลงกระแสไฟฟ้าหรือ Inverter ทำการแปลงกระแสไฟฟ้าป้อนให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบขับเคลื่อน แนวคิดดังกล่าวถูกนำไปใช้ใน Nissan Note และรถ Mini MPV อย่าง Nissan Serena โดย Kicks ถือว่าเป็นรถยนต์รุ่นล่าสุดที่ใช้ระบบขับเคลื่อนที่พัฒนามานานกว่า 6 ปีแล้ว เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 3 สูบของมันมีความจุแค่ 1,198 ซีซี. ปั่นไฟผ่าน Inverter ป้อนให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า EM57 ระบบ e-Power ของ Nissan Kicks มีเรี่ยวแรงประมาณ 95 กิโลวัตต์ หรือ 129 แรงม้า เป็นแรงจากมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ โดยที่เครื่องยนต์ไม่ได้มาเกี่ยวข้องกับการปั่นให้ล้อหมุนแต่อย่างใดทั้งสิ้น สำหรับแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 260 นิวตันเมตร เมื่อเทียบกับแรงบิดของเครื่องยนต์จะคล้ายกับแรงบิดจากเครื่องดีเซลตัวเล็ก Mazda Skyactiv-D 1.5 ลิตร ซึ่งมีแรงบิดประมาณ 250 นิวตันเมตร สำหรับแรงบิดจากมอเตอร์ของ Kicks แรงกว่า 10 นิวตันเมตร ถือว่ามีกำลังแรงฉุดลากอยู่ในเกณฑ์ดีเลยทีเดียว 

เครื่องยนต์ที่กลายเป็นเครื่องปั่นไฟ คือเครื่อง HR12DE ตัวเล็กกระจิริด แบบแถวเรียง 3 กระบอกสูบ 79 แรงม้า ที่ 5,400 รอบต่อนาที และเมื่อมีเครื่องยนต์คอยปั่นไฟป้อนให้มอเตอร์ แบตเตอรี่ของ Kicks จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้แบตฯ ลูกโต ที่ทั้งหนักและแพง แบตฯ ของ Kicks มีขนาดเล็กเพื่อการลดน้ำหนัก สิ่งที่ต้องแลกกลับคืนก็คือ Kicks ยังเป็นรถยนต์ที่มีมลภาวะ เนื่องจากเครื่องยนต์ยังต้องคาย Co2 เมื่อมันทำงานเพื่อปั่นกระแสไฟ ค่ามลพิษที่ไม่สูงเนื่องจากเป็นเครื่องยนต์ตัวเล็ก ทำให้แนวคิดระบบขับเคลื่อนแบบ range extender ตอบโจทย์การใช้งานของคนเมือง ซึ่งมีทั้งขับในเมืองและขับออกทางไกลในวันหยุด โดยไม่ต้องกลัวว่าแบตเตอรี่จะมีไฟไม่พอ แค่สงสัยว่าทำไมเครื่องยนต์ของมันติดบ่อยจัง! 

จุดที่ระบบขับเคลื่อน e-Power ของ Nissan kicks มีส่วนคล้ายรถ EV100% ก็คือ การขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ เครื่องยนต์มีหน้าที่แค่ปั่นไฟใส่แบตฯ เพื่อจ่ายกระแสไฟให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่การเลือกใช้แบตฯ ขนาดเล็กทำให้เครื่องยนต์ของมันจะติดๆ ดับๆ ไปตลอดทาง เมื่อใช้ความเร็วหรือต้องการเร่งแซง เครื่องยนต์ก็จะติดขึ้นมาเพื่อปั่นไฟให้เพียงพอต่อการเร่งแบบเต็มกำลัง ทุกครั้งที่ถอนคันเร่ง e-Pedal จะทำงานด้วยการหน่วงความเร็วคล้ายการเบรกเบาๆ เมื่อขับจนคุ้นชินก็สามารถใช้แค่คันเร่งอย่างเดียว โดยกดคันเร่งเมื่อต้องการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า และยกคันเร่งเมื่อต้องการชะลอความเร็ว เมื่อค่อยๆ ถอนเท้าออกจากแป้นคันเร่ง e-Pedal จะสั่งงานให้มอเตอร์ทำการหน่วงความเร็ว การหน่วงดังกล่าวจะเป็นการชาร์จกระแสไฟไปในตัว ช่วยลดภาระในการขับท่ามกลางการจราจรที่ติดขัด e-Pedal สามารถสั่งเปิดหรือปิดได้ตามต้องการ 

Nissan ใช้ประเทศไทย เป็นเวทีแห่งแรกของโลกในการเปิดตัว Kicks Facelift 2020 โดยวางระบบขับเคลื่อนแบบ e-Power ประกอบและจำหน่ายในประเทศไทยรวมถึงญี่ปุ่นเป็นที่แรกอีกเช่นกัน เนื่องจาก Kicks รุ่นก่อนปรับโฉมที่ขายในยุโรปใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนโดยไม่มีรุ่น e-Power จำหน่าย เมื่อมองจากรูปลักษณ์ภายนอก Nissan ปรับงานออกแบบให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น กระจังหน้าขนาดใหญ่ ล้อมกรอบกระจังด้วยพลาสติกโครเมี่ยมดูหรูหราสวยงาม ไฟหน้า LED พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติและไฟหรี่กลางวัน LED Daytime Running Lights รุ่นท็อปสุด 1.2 ลิตร VL ราคา 1,049,000 บาท มีไฟตัดหมอก LED อยู่ในกรอบพลาสติกสีดำบริเวณมุมด้านล่างของกันชนหน้า เสาหน้า หลังคาและเสาท้ายของรุ่นสูงสุดใช้สีดำตัดกับสีตัวถังที่มีให้เลือก 4 สี ล้ออัลลอยลายก้านขอบ 17 นิ้ว ยางไซส์ 205/55 R17 ไฟท้ายแบบ Full LED ฝาท้ายออกแบบให้เปิดออกได้ด้วยมุมที่สูงมากกว่าเดิมเพื่อความสะดวกในการขนสัมภาระ กันชนหลังเต็มไปด้วยรายละเอียดของงานตกแต่ง ทั้งพลาสติกที่ครอบกันชนหลังและไฟมัลติรีเฟคเตอร์ เสาอากาศทรงครีบฉลาม กระจกบานฝาท้ายติดตั้งที่ปัดน้ำฝนและไฟเบรกดวงที่ 3 หลอด LED 

มิติตัวถังของ Nissan Kicks มีความสูง 1,615 มิลลิเมตร ยาว 4,290 มิลลิเมตร
กว้าง 1,760 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,615 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยว 5.1 เมตร ช่วงล่างหน้าแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วงล่างหลังเป็นแบบทอร์ชันบีม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบบังคับเลี้ยวใช้พวงมาลัย แร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมระบบเพาเวอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)

ห้องโดยสารเรียบง่ายน่าใช้งาน แดชบอร์ดและคอนโซลมีความคล้ายคลึงกับ Nissan Almera การออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในของ Kicks เป็นไปในแนวทางของ Nissan ก็คือ เน้นความกว้างขวางนั่งสบายไม่อึดอัด แต่เบาะหลังนั้นตั้งชันไปนิด ถ้าไม่นับคุณภาพของวัสดุ ห้องโดยสารของ Kicks ก็มีอุปกรณ์ครบครัน และมีพื้นที่ภายในค่อนข้างโปร่งโล่ง โดยเฉพาะพื้นที่เบาะคู่หน้า ส่วนพื้นที่วางเท้าและพื้นที่เหนือศีรษะก็มีให้อย่างพอเพียง นั่งแล้วไม่ค่อยอึดอัดเท่าไร เบาะหลังพับราบได้เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ 

พวงมาลัยสามก้าน หุ้มหนังตกแต่งด้วยสีเงินสไตล์สปอร์ตปรับระดับได้
ก้านวงติดตั้งสวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียง และระบบโทรศัพท์ กับสวิตช์ควบคุมหน้าจอมาตรวัดแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT เป็นมาตรวัดแบบเรืองแสง Fine Vision Meter แบบ Digital ผ่านจอ TFT ขนาด 7 นิ้ว ส่วนจอมอนิเตอร์กลางขนาด 8 นิ้ว รองรับระบบข้อมูลและความบันเทิง Nissan Connect หน้าจอสั่งงานด้วยระบบสัมผัส พร้อมช่องเชื่อมต่อ Bluetooth®, USB และ AUX IN สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์สมาร์ทโฟน Apple CarPlay® (สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS) ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สายแบบ Bluetooth เรียกว่าให้มาครบเลยทีเดียว 

เนื่องจากเคยเดินทางไปทดสอบ Note e-Power ที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2559 แล้วได้ข้อสรุปสั้นๆ ของระบบ e-Power ดังนี้ 

1 -พวงมาลัยไฟฟ้าแม่นและคม ช่วงล่างแน่นพอได้สไตล์ Nissan
2 -เครื่องยนต์ในระบบ Series Hybrid แบบ range extender ติดเร็วไปนิดเนื่องจากความจุของแบตฯ มีไม่มาก เครื่องยนต์มีหน้าที่แค่ปั่นไฟเข้าแบตฯ ไม่ได้ใช้ขับเคลื่อนตัวรถ
3 -เครื่องเบนซิน 3 สูบ 1 ลิตร ที่คอยปั่นไฟ Nissan เคลมไว้ว่ากินเชื้อเพลิงประมาณ 37 กิโลลิตร ขับจริงๆ อาจไม่ถึงโดยเฉพาะการขับในเมืองที่น่าจะกินมากกว่าที่เคลมไว้
4 -Kicks Facelift 2020 มีตัวถังสวยงาม ภายในตกแต่งมาโอเค
5 - อัตราเร่งใช้ได้ จากพลังงานไฟฟ้าและมอเตอร์ที่ปราศจากอาการรอรอบ
6 - ราคาที่ตั้งมา พอรับได้ มีทั้งรุ่นไม่ถึงล้าน และรุ่นท็อปที่ทะลุล้านไปนิดเดียว

รถอย่าง Honda HR-V Toyota C-HR MG ZS Mazda CX3 จะต้องเจอกับคู่แข่งที่มีความสดใหม่ของระบบขับเคลื่อน e-Power และรูปลักษณ์ที่ทันสมัยของ Kicks  ถือเป็นก้าวแรกของยานยนต์ประหยัดพลังงานก่อนที่จะกลายไปเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ส่วนจะขับดีหรือไม่ มีสมรรถนะเป็นอย่างไร และมีความประหยัดแค่ไหน? คงต้องรอทดสอบกันอีกทีในช่วงเดือนกรกฎาคมครับ.

Nissan Kicks e-Power รุ่นและราคา

Nissan Kicks e-Power 1.2 ลิตร รุ่น S 889,000 บาท
Nissan Kicks e-Power 1.2 ลิตร รุ่น E 949,000 บาท
Nissan Kicks e-Power 1.2 ลิตร รุ่น V 999,000 บาท
Nissan Kicks e-Power 1.2 ลิตร รุ่น VL 1,049,000 บาท

NISSAN KICKS e-POWER
เครื่องยนต์ (สำหรับการสร้างกระแสไฟฟ้า) - ประเภทเชื้อเพลิง เบนซิน
มอเตอร์ไฟฟ้า (สำหรับขับเคลื่อน) - แรงบิดสูงสุด260 นิวตัน-เมตร 26.5 กก.-ม. ที่ 3,008 รอบต่อนาที
มอเตอร์ไฟฟ้า (สำหรับขับเคลื่อน) - แรงม้าสูงสุด 129 พีเอส (95 กิโลวัตต์) ที่ 3,008 รอบต่อนาที
ประเภทการส่ง แบบอัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction
รหัสมอเตอร์ EM57

เครื่องยนต์ HR12DE แบบเครื่องยนต์ ระบบเครื่องยนต์ 3 สูบแถวเรียง DOHC (Double Overhead Camshaft) 12 วาล์ว CVTC (Continuously Variable valve Timing Control) ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์มัลติพอยท์ (ECCS) 32 bit
ความกว้างกระบอกสูบ 78.0 มิลลิเมตร ระยะชัก 83.6 มิลลิเมตร
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,198 ซีซี
แรงม้าสูงสุด,79 พีเอส (60 กิโลวัตต์)ที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด,103 นิวตันเมตร (11 กก.-ม.) ที่ 3,600 - 5,200 รอบต่อนาที
อัตราส่วนกำลังอัด 12.0 : 1
ความจุถังเชื้อเพลิง 41 ลิตร

มิติตัวถัง
ความสูง 1,615 มิลลิเมตร
ความยาว 4,290 มิลลิเมตร
ความกว้าง 1,760 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ 2,615 มิลลิเมตร
รัศมีวงเลี้ยว 5.1 เมตร

ระบบช่วงล่าง
หน้า แบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง ทอร์ชันบีม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง

ระบบพวงมาลัย แร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมระบบเพาเวอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)

ล้อ และ ยาง
ขนาดยาง 205/55 R17
ขนาดล้อ ล้ออัลลอย 17 x 6.5 J
ยางอะไหล่ ชุดซ่อมยางแบบฉุกเฉิน

ระบบเบรก
หน้า ดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน
หลัง ดิสก์เบรก

อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก
กระจังหน้าสีดำเงาตกแต่งพร้อมขอบโครเมียม
กันชนหน้า-หลังสีเดียวกับตัวรถ
แผงกันกระแทกประตูด้านข้าง - สีดำ พร้อมแถบสีเงิน
มือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ
ไฟหน้าแบบ LED พร้อม LED Signature Light
ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (DRL) แบบ LED
ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
ไฟหน้า Follow-me-home
สวิตช์ปรับระดับไฟหน้า
ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED
ไฟท้ายแบบ LED Signature Light พร้อมไฟเบรกแบบ LED
กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ
กระจกข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว
กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อกรถ
ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง / ระบบปัดน้ำฝนด้านหลังแบบหน่วงเวลา
ระบบไล่ฝ้ากระจกหลังแบบตั้งเวลา
ราวหลังคา
สปอยเลอร์หลัง
เสาอากาศแบบ Shark fin antenna

อุปกรณ์มาตรฐานภายใน
เบาะนั่งคนขับปรับระดับสูง-ต่ำ
เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังแบบแยกพับ 60 : 40
วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้า - หุ้มวัสดุหนังสังเคราะห์สีดำ แบบเดินตะเข็บด้าย
วัสดุตกแต่งภายในบริเวณช่องแอร์ด้านข้าง - ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน และ วัสดุสีดำ เปียโน แบล็ก
วัสดุตกแต่งคอนโซลกลาง - ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ
วัสดุตกแต่งภายในบริเวณหัวเกียร์ - ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน และ วัสดุสีดำ เปียโน แบล็ก
พนักวางแขนด้านหน้าพร้อมที่เก็บของและช่องจ่ายไฟแบบ USB 2 ตำแหน่ง
พวงมาลัยหุ้มหนังตกแต่งด้วยสีเงิน สไตล์สปอร์ต พร้อมปรับระดับได้
พวงมาลัยพร้อมสวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียง และระบบโทรศัพท์บนพวงมาลัย และสวิตช์ควบคุมหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT
กุญแจรีโมตอัจฉริยะ (Intelligent Key - I-Key)
ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ (Push Start Button)
ปุ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่ (Drive mode switch)
ปุ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า (EV mode switch)
ระบบการขับขี่แบบคันเร่งเดียว One Pedal
มาตรวัดแบบเรืองแสง Fine Vision Meter แบบ Digital ผ่านหน้าจอ TFT
หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT หน้าจอสีขนาด 7 นิ้ว
มาตรวัดอุณหภูมิภายนอก
กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ (Anti-jam Protection) ด้านคนขับ
ที่บังแดดด้านหน้า พร้อมกระจกแต่งหน้า ด้านคนขับ - พร้อมไฟส่องสว่าง
ที่บังแดดด้านหน้า พร้อมกระจกแต่งหน้าและไฟส่องสว่าง ด้านผู้โดยสาร
วัสดุตกแต่งแผงประตู - หนังสีดำ
มือจับเปิดประตูด้านในแบบโครเมียม
ช่องเก็บเอกสารหลังเบาะที่นั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
พนักพิงศีรษะสำหรับเบาะนั่งด้านหน้า แบบปรับสูง-ต่ำได้
พนักพิงศีรษะสำหรับเบาะนั่งด้านหลัง 3 ตำแหน่ง แบบปรับสูง-ต่ำได้
ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า
ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร
ไฟห้องสัมภาระท้าย
ที่วางแก้วตอนหน้า 2 ตำแหน่ง
ช่องวางขวดน้ำบริเวณแผงประตูหน้าและหลัง 4 ตำแหน่ง
กล่องเก็บของด้านหน้ามือจับด้านใน 4 ตำแหน่ง : คนขับ x 1, ผู้โดยสารตอนหน้า x 1, ผู้โดยสารตอนหลัง x 2
แผงบังสัมภาระด้านท้าย
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V
ระบบข้อมูลและความบันเทิง Nissan Connect หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อมช่องเชื่อมต่อ Bluetooth®, USB และ AUX IN สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์สมาร์ทโฟน Apple CarPlay® (สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS)
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สายแบบ Bluetooth

ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน
ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง (Side Airbags)
ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง (Side Curtain Airbags)
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก Anti-lock Braking System (ABS)
ระบบกระจายแรงเบรก Electronic Brake Force Distribution System (EBD)
ระบบเสริมแรงเบรก Brake Assist (BA)
ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake)
ระบบ Auto Brake Hold
สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและหลัง
ระบบกุญแจ Immobilizer
สัญญาณกันขโมย
ปุ่มควบคุมระบบเซ็นทรัลล็อก
เข็มขัดนิรภัยคนขับ ELR แบบดึงกลับ และผ่อนแรงอัตโนมัติแบบสองทิศทาง (Double Pre-tentioner with Load Limiter)
เข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า ELR แบบดึงกลับ และผ่อนแรงอัตโนมัติ (Single Pre-tentioner with Load Limiter)
เข็มขัดนิรภัยที่นั่งด้านหลัง ELR แบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX
ระบบป้องกันเด็กเปิดประตูหลังจากภายในรถ
ระบบโครงสร้างเพื่อความปลอดภัย Zone Body Concept
ไฟเบรกดวงที่สาม

ระบบความปลอดภัย Nissan Intelligent Mobility (NIM) - Intelligent Safety
ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ Vehicle Dynamic Control (VDC)

ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA)

ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้า Intelligent Forward Collision Warning (FCW)

ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน Intelligent Emergency Braking (IEB)

ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Attention Alert (DAA)

กล้องมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (IAVM)

กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อน พร้อมกล้องส่องภาพจากภายนอก Intelligent Rear View Monitor (IRVM)

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Intelligent Cruise Control (ICC)

ระบบเตือนจุดอับสายตาบนกระจกมองข้าง Blind Spot Warning system (BSW)

ระบบเตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ Rear Cross Traffic Alert (RCTA)

เทคโนโลยีช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ Intelligent Ride Control (IRC)

เทคโนโลยีช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง Intelligent Trace Control (ITC)

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

Let's block ads! (Why?)



"มันใช้งานได้" - Google News
May 26, 2020 at 10:00AM
https://ift.tt/36Cl084

ส่องตัวเป็นๆ NISSAN KICKS e-POWER น่าใช้หรือไม่? - ไทยรัฐ
"มันใช้งานได้" - Google News
https://ift.tt/357dMYK
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://ift.tt/3c5Fzvo

Bagikan Berita Ini

0 Response to "ส่องตัวเป็นๆ NISSAN KICKS e-POWER น่าใช้หรือไม่? - ไทยรัฐ"

Post a Comment

Powered by Blogger.