ไฟหน้าแบบใหม่ Full LED Headlamps Design พร้อมไฟหรี่กลางวัน LED Daytime Running Light ทรงก้างปลา คิ้วขอบไฟสีดำเปียโนแบล็ก
ไฟตัดหมอก LED ขนาดเล็กอยู่ในกรอบพลาสติกสีดำ ติดตั้งบริเวณด้านข้างชายล่างของกันชนหน้า
กระจังหน้าขนาดใหญ่ ช่องรับอากาศเข้าไประบายความร้อนในห้องเครื่องยนต์ ดีไซน์แบบลอนคลื่น ใช้พลาสติกสีดำ กรอบชุดกระจังพลาสติกสีดำเงาเปียโนแบล็ก
ไฟเลี้ยว LED ย้ายตำแหน่งลงมาอยู่ด้านล่างของกันชนหน้า รุ่นสูงสุดมีระบบกะพริบไฟเลี้ยวแบบ Sequential LED Turn Signal เป็นตำแหน่งที่แปลกตาเพราะอยู่ต่ำกว่าไฟเลี้ยวด้านหน้าทั่วๆ ไปที่มักจะรวมอยู่กับชุดไฟหน้า แต่เปิดใช้งานแล้วไฟเลี้ยว LED สีเหลืองเข้มทำให้รถคันอื่นๆ มองเห็นได้ดี
ล้ออัลลอยลายใหม่ ขอบ 20 นิ้ว ดูดีจากลายและสีสันที่ใช้สีเงินสลับสีเทาดำ สีดำสลับสีเงิน ยาง dunlop grandtrek 265/50R20
ฝาท้ายไฟฟ้าของ Fortuner รุ่นสูงสุด Legender มีการเพิ่มเซนเซอร์ติดตั้งที่ใต้กันชนหลัง สามารถใช้เท้ากวาดใต้กันชนเมื่อต้องยกสัมภาระเพื่อเก็บไว้ที่ท้ายรถ โดยไม่ต้องกดเปิดสวิตช์ฝาท้าย
ไฟท้าย LED Tail Lamps Design ใช้ไฟท้ายทรงเดิม แต่ปรับรายละเอียดและสีของพลาสติกไฟท้ายแบบใหม่ ไฟท้ายมีกรอบพลาสติกสีดำเงาเปียโนแบล็ก เพิ่มความเฉียบคมให้กับชุดไฟท้าย
กันชนหลังใหม่ พร้อมคิ้วไฟมัลติรีเฟคเตอร์แบบใหม่
มิติตัวถังแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในรุ่นปรับโฉม ขนาดของตัวถังภายนอก มีความยาว 4,795 มิลลิเมตร กว้าง 1,855 มิลลิเมตร สูง 1,835 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร ระยห่างล้อหน้า 1,540 มิลลิเมตร ระยห่างล้อหลัง 1,555 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 193 มิลลิเมตร มิติภายใน ยาว 2,487 มิลลิเมตร กว้าง 1,478 มิลลิเมตร สูง 1,103 มิลลิเมตร
จุดเด่นนอกจากความสวยงามของงานตกแต่งภายนอกและภายในก็คือ สมรรถนะของขุมกำลังที่ได้รับการปรับแต่งใหม่ Toyota ลงมือลงแรงไปไม่ใช่น้อย เพื่อทำให้เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร มีแรงม้าและแรงบิดเพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองต่อการใช้งานที่ดีขึ้น เป็นอีกจุดที่ปรับแต่งแล้วมีประสิทธิภาพดีขึ้นเห็นๆ หัวใจรุ่นสูงสุดของ Legender วางเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 1GD FTV (High) แบบแถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว DOHCVN Turbo พร้อมชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ ปริมาตรความจุ 2,755 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ 92.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 103.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.6:1 กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที ติดตั้งระบบ Stop & Start ระบบจ่ายเชื้อเพลิงคอมมอลเรลไดเรคอินเจคชั่น ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ 6 สปีด พร้อม Paddle Shift ชุดเทอร์โบแบบบอลแบร์ริ่ง ชุดบาลานซ์ชาร์ปลดแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานของเครื่องยนต์ การปรับจูนกล่องควบคุมเครื่องยนต์ใหม่หมดทำให้เครื่อง 1GD FTV ที่ถูกปรับแต่งมีแรงบิดเพิ่มขึ้นจากเดิมพอสมควร
เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ก่อนการปรับแต่งก็จะเห็นตัวเลขได้อย่างชัดเจน เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 กระบอกสูบ VN Turbo เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด 6AT with Sequential Shift and Paddle Shift กำลังสูงสุดอัปจาก 130 กิโลวัตต์ หรือ 177 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที เป็น 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า ส่วนแรงบิดของเครื่อง 2.8 ลิตร รุ่นที่แล้วซึ่งทำได้ 450 นิวตันเมตร พอเปลี่ยนเป็นรุ่น Legender ตัวท็อป เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร VN Turbo ถูกปรับจูนให้แรงฉุดลากพุ่งเป็น 500 นิวตันเมตร ทำให้มีประสิทธิภาพด้านแรงฉุดลากที่มากกว่าเดิมอีก 50 นิวตันเมตร ขับสนุกและมีกำลังมากพอที่จะบรรทุกทั้งคนและสัมภาระแบบเต็มคัน ในการใช้งานสำหรับการเดินทางไกลได้ดี โดยเฉพาะเส้นทางภูเขาสูงชัน ระบบขับเคลื่อนซิกม่าโฟร์ เลือกโหมดการขับขี่ได้ ทั้งโหมด H2 H4 และ L4 ผสานการทำงานร่วมกับระบบ DAC และ A-TRC (เฉพาะรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ) ระบบเบรกติดตั้งดิสก์เบรก 4 ล้อ ระบบรองรับ ด้านหน้าแบบปีกนกคู่ดับเบิลวิชโบน (Double Wishbone with Stabilizer and Shock Absorber Only Legender) ด้านหลังเป็นแบบ 4 ลิงก์ (4 Link & Coil Suspension with Stabilizer Bar and Shock Absorber Only Legender) ระบบบังคับเลี้ยวแบบใหม่ Rack & Pinion Power Steering (VFC) น้ำหนักพวงมาลัยสามารถปรับแปรผันไปตามความเร็ว รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.8 เมตร วงเลี้ยวในโหมด 4WD จะกว้างขึ้นอีกเล็กน้อยโดยเฉพาะโหมด 4 Low
ภายในเพิ่มอุปกรณ์เพื่อความสะดวกเพียบ!
ห้องโดยสารของ Fortuner 2.8 Legender 4WD มีความยาว 2,487 มิลลิเมตร กว้าง 1,478 มิลลิเมตร และสูงถึง 1,103 มิลลิเมตร เบาะแบบ 7 ที่นั่ง หุ้มหนังโทนสีดำสลับขาว หรือแดงตามแต่จะเลือก เน้นความหรูหราสไตล์ออฟโรดยุโรปจากโทนสีของภายใน การจัดวางอุปกรณ์เน้นคนขับเป็นจุดศูนย์กลางของการใช้งาน เบาะคู่หน้าเย็บเดินตะเข็บด้วยความประณีตบรรจง เบาะผู้โดยสารตอนหน้าและเบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า สามารถปรับท่านั่งได้อย่างหลากหลาย รวมถึงพวงมาลัยแบบปรับ 4 ทิศทางเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการนั่งโดยสารหรือนั่งขับ เบาะคนขับสามารถปรับให้สูงมากยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยของการมอง โดยภาพรวม เบาะนั่งหุ้มหนังของ Fortuner Legender นั่งสบายก้น แม้จะขับกันทั้งวันก็ไม่ทำให้รู้สึกเมื่อย หรือไม่สบายแผ่นหลัง พนักพิงศีรษะที่ออกแบบมาเป็นอย่างดียังช่วยรองรับส่วนหัวของคนนั่งและคนขับให้มีความสบาย ไม่ดันหัวจนรู้สึกปวดต้นคอเหมือนรถบางยี่ห้อ!
แดชบอร์ดและคอนโซลออกแบบมาดีอยู่แล้ว แค่เติมชิ้นงานสำหรับการตกแต่งเพื่อเพิ่มความหรู ลายไม้สีเทาดำทำจากพลาสติกดูคล้ายกับเนื้อไม้จริง หนังสีดำเย็บตัดขอบกัยหนังสีแดงอย่างจงใจ พร้อมหนังสังเคราะห์สีเทาดำที่ตกแต่งแผงประตู คอนโซล แดชบอร์ด ตัดกันอย่างจงใจ ทำให้ภายในมีความหรูหราใช้ได้ การจัดวางอุปกรณ์บริเวณคอนโซลกลางอย่างเต็มรูปแบบเพิ่มความน่าใช้งานขึ้นไปอีกนิด ช่องแอร์ด้านบนกึ่งกลางคอนโซลหุ้มด้วยพลาสติกโครเมียมสีเงิน จอมอนิเตอร์แสดงผลกลางขนาด 9 นิ้ว รองรับการสั่งงานด้วยระบบสัมผัส พร้อมด้วยเครื่องเล่น DVD การเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบบูลทูธ กล้องมองภาพด้านหลัง ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย และระบบนำทางด้วยดาวเทียมพร้อมเมนูภาษาไทยในทุกฟังก์ชั่นเพื่อความง่ายในการใช้งาน ช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์ USB / iPOD / AUX ระบบ T-Connect ไม่ต้องกลัวรถหายอีกต่อไป สามารถเช็กตำแหน่งรถตามเวลาจริง (Real Time) ได้ทุกที่ ทุกเวลา รวมถึงระบบป้องกันการโจรกรรม (Theft Track) และระบบประสานความช่วยเหลือ SOS ของ Toyota ตลอดเวลา บริการแจ้งเตือนล่วงหน้าสำหรับเข้าศูนย์บริการ Telematic Care เครื่องเสียง JBL 9 Positions, 11 Speakers (Including Sub-Woofer)
มาตรวัดแบบเรืองแสง Optitron ของถนัดจากพี่โตออกแบบมาตรวัดให้สามารถอ่านค่าต่างๆ ได้ง่ายขึ้น รวมถึงการเรียกดูข้อมูลจากจอแสดงผลขนาดเล็ก MID multi information display ที่อยู่ตรงกึ่งกลางของมาตรวัดรอบและมาตรวัดความเร็ว เป็นหน้าจอสีแบบ TFT thin film transistor สามารถปรับตั้งค่าการทำงานของระบบต่างๆ ผ่านสวิตช์ควบคุมบริเวณก้านวงพวงมาลัย จอ MID แจ้งเตือนการทำงานและแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ข้อมูลของระบตัดการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติ ข้อมูลการขับขี่แบบ ECO ข้อมูลของระบบนำทางด้วยดาวเทียม ข้อมูลจากอุปกรณ์เล่นเพลง ตำแหน่งของเกียร์ออโต้ อุณหภูมิภายนอก รวมถึงทริปมิเตอร์ A/B
พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง ทั้งสูง-ต่ำ หรือ ใกล้-ไกล ก้านวงจับถนัดมือด้วยหนังแท้ ติดตั้งสวิตช์สั่งงานแบบมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมเครื่องเสียง การรับหรือวางสายโทรศัพท์ การเลือกดูจอแสดงผล MID ในโหมดต่างๆ รวมถึงก้านสวิตช์สำหรับปรับตั้งระบบตั้งความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control หลังวงพวงมาลัยยังมีแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ Paddle Shift ติดมาให้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนขับ เมื่อต้องขับบนทางคดเคี้ยวหรือเส้นทางภูเขา ซึ่งมีการเปลี่ยนอัตราทดไปตามสภาพเส้นทาง และตามความต้องการของคนขับบ่อยครั้ง
ระบบปรับอากาศของ Fortuner Legender ใช้การควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสารด้วยระบบแอร์แบบดิจิทัลแยกโซนแบบ 2 ตอน คอยควบคุมแรงลมจากช่องแอร์แบบอัตโนมัติ พร้อมช่องแอร์บริเวณแถวที่ 2-3
ซุ้มคันเกียร์มีการใช้งานพลาสติกที่ลอกเลียนแบบลายไม้สีเทา ทำออกมาได้คล้ายกับเนื้อไม้จริงๆ คันเกียร์ออโต้ 6 สปีด พร้อมตำแหน่งชิฟเกียร์เอง Sequential Shift จะใช้วิธีชิฟเกียร์ขึ้น-ลงที่คันเกียร์ หรือชิฟเกียร์ผ่านแป้น Paddle Shift หลังวงพวงมาลัยก็ได้
Toyota Fortuner 2.4V มีระบบเกียร์เหมือนกับรุ่น 2.8V เป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential shift ที่คันเกียร์กับ Paddle shift ที่หลังพวงมาลัย สำหรับอัตราทดของเกียร์ลูกนี้ ออกแบบให้เข้ากับแรงบิดจากเครื่องยนต์ สามารถเทแรงบิดกว้างๆ ในรอบการทำงานตั้งแต่รอบต่ำไปจนถึงรอบกลางๆ
ระบบกันสะเทือนเป็นอีกจุดที่ได้รับการปรับแต่งให้ทำงานได้ดีขึ้น สอดรับกับสภาพเส้นทาง ทั้งทางราบและทางออฟโรด ช่วงล่างของ Toyota Fortuner Legender ด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ คอยล์สปริงและโช็กอัพ ส่วนด้านหลังเป็นแบบโฟร์ลิงก์ คอยล์สปริง และโช็กอัพ ระบบเบรกหน้าและหลังแบบดิสก์เบรก จานหน้าพร้อมครีบระบายความร้อน ระบบบังคับเลี้ยวยังคงใช้พวงมาลัยแบบแรคแอนพีเนียนพร้อมพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรงหมุน ด้วยความต้องการที่จะเน้นความคงทนของชุดบังคับเลี้ยว ทำให้ Fortuner ใช้พวงมาลัยที่มีปั๊มพาวเวอร์แบบสายพาน ไม่ใช่พวงมาลัยไฟฟ้าเหมือนรถคู่แข่งอย่าง Everest พวงมาลัย Rack & Pinion Power Steering พร้อมระบบ VFC แปรผันน้ำหนักได้แบบกึ่งกลไก ล้อกับยางยังคงเหมือนเดิม เป็นล้ออะลูมินัมอัลลอย ขอบ 18 นิ้ว ยัดยางกึ่งเรียบกึ่งลุยยี่ห้อ Dunlop รุ่น Grandtrek PT3 ไซส์ 265/50R20 เท่ากันทั้ง 4 ล้อ
แม้ตัวจะโตและมีเครื่องยนต์ที่ไม่ใหญ่อะไรมากมาย เทอร์โบแบบบอลแบร์ริ่งทำให้ Fortuner Legender มีอัตราเร่งที่ดีขึ้นเล็กน้อย แรงบิด 500 นิวตันเมตรนั่นแหละของจริงที่จะทำให้คุณเร่งแซงและเอาตัวรอดจากเส้นทางออฟโรดได้อย่างไม่ยากลำบาก อัตราทดของเกียร์อัตโนมัติที่ปรับจูนมาค่อนข้างกว้างและเหมาะสมกับการส่งถ่ายแรงบิดจากเครื่องยนต์ ทำให้การขับทางไกลที่ความเร็วเดินทางมีความประหยัดใช้ได้ ถังเชื้อเพลิงที่มีความจุมากถึง 80 ลิตร กับการใช้รอบเครื่องยนต์ที่ไม่สูงมากนัก เมื่อขับบนย่านความเร็วที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้เจ้า New Fortuner รุ่น 2.8 4WD มีความน่าใช้งาน สามารถวิ่งยาวๆ ได้ไกลจนรู้สึกพอใจในด้านของอัตราสิ้นเปลือง มันเป็นรุ่นที่เหมาะกับคนเท้าหนักตีนโหด ชอบการขับแบบผสม เมื่อโล่งก็เร็วได้ ไปเรื่อยๆ ช่วงล่างผ่องถ่ายความสบายขับไกลๆ แล้วไม่เมื่อยถ้าปรับเบาะถูกต้อง!
ขับทดสอบทางไกลไปพัทยา โดยใช้เส้นทางบางนา ทางด่วนบูรพาวิถี เชื่อมต่อด่วนมอเตอร์เวย์ที่บางวัว จนไปออกที่ด่านบ้านบึง แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 344 วิ่งไปจนถึงเขาระเบิดในหนองใหญ่ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพร้อมตัวช่วยไฟฟ้า ที่คอยรองรับการขับลุยทางวิบาก บนไฮเวย์ข้ามจังหวัดนั่นก็คือบนทางด่วนบูรพาวิถีไปจนถึงด่วนมอเตอร์เวย์ อาการโคลงตัวจากความสูงที่มากถึง 193 มิลลิเมตร จากพื้นฐานโครงสร้างจากรถกระบะหายไปเยอะ ช่วงล่างที่ปรับมาใหม่นั่งขับหรือโดยสารได้สบายขึ้น Toyota เซ็ตจนอาการโคลงลดลงไปมาก เกือบๆจะเท่ากับรถ SUV ที่มีโครงสร้างแชสซีส์แบบโมโนค็อกเลยทีเดียว ช่วงล่างบนทางเรียบออกมาในลักษณะหนึบๆ นุ่มๆ การเปลี่ยนช่องทางเพื่อแซงในย่านความเร็ว 110-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถมีอาการนิ่งและนุ่มนวลขึ้น การขับทางไกลเพื่อทดลองประสิทธิภาพเริ่มจากเส้นทางมอเตอร์เวย์ เชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 344 มุ่งตรงไปยังเขาระเบิดลานร่มร่อน โดยไปสิ้นสุดลงที่โรงแรมเรเนซองพัทยา เป็นการขับยาวบนระยะทางเกือบ 250 กิโลเมตร เพื่อค้นหาความสามารถของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Sigma 4
เจ้าตลาดรถอเนกประสงค์ออฟโรด PPV SUV อย่างค่าย Toyota จำเป็นต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์สำหรับการขายออกมาใช้ เพื่อคงความเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตรถยนต์ที่เน้นความคงทนของการใช้งาน การประกอบที่มีความแน่นหนาได้มาตรฐาน วัสดุและอุปกรณ์มีรูปแบบที่หรูหราใช้งานได้ดี เจ้า Fortuner Legender รุ่นใหม่ที่กำลังถูกผลิตและส่งออกมาขายจำเป็นจะต้องมีการขับที่ดีและมีอุปกรณ์ที่ลูกค้าต้องการ ราคา 1.8 ล้านของมันทำให้เกิดความคาดหวังจากลูกค้าสูงมากกว่าปกติ เทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อน ทั้งเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ที่ปรับมาให้มีกำลังแรงบิดมากกว่าเดิม ชุดส่งกำลังที่เป็นเกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 6 สปีด กับระบบชิฟเกียร์ที่คันเกียร์ หรือเปลี่ยนเกียร์ผ่านแป้น Paddle Shift หลังวงพวงมาลัย ฝาท้ายแบบไฟฟ้า กับระบบรองรับที่ปรับมาใหม่ที่ต้องทำให้ออกมาในแนวนั่งได้นิ่มสบายก้น คุณและครอบครัวสามารถนั่งยาวได้ทั้งวันโดยไม่ปวดเนื้อเมื่อยตัว นอกจากประสิทธิภาพในด้านการใช้งานแล้ว บริการหลังการขายกับราคาขายต่อเป็นอีกจุดที่รถยนต์ของ Toyota ทำได้ดี วิศวกร ช่าง และทีมทดสอบของ Toyota ก่อนดัน Legender ขึ้นสู่สายการผลิตจึงมีงานล้นมือ และต้องพบกับงานทดสอบหนักหนาสาหัสในช่วงของการพัฒนา Legender การปรับเปลี่ยนทีมมาเป็นทีมงานคนไทยล้วนๆ ก็เพื่อทำให้ออฟโรดรุ่นนี้สามารถพลิกพื้นยอดขายในช่วงโควิด และส่งให้แบรนด์สามห่วงสู่ความเป็นเจ้าตลาดอย่างยั่งยืนอีกครั้งสำหรับรถยนต์ในกลุ่ม PPV SUV
เกียร์อัตโนมัติที่มีอัตราทดแค่ 6 สปีด ดูเหมือนจะเป็นรองเกียร์ 8 สปีดของ Mitsubishi Pajero Sport แต่พอขับจริงๆ จังๆ ก็ไม่ได้เป็นรองมากอย่างที่คิดเอาไว้แต่แรก เนื่องจากเกียร์ 6 สปีดของมันถูกปรับจูนอัตราทดใหม่เพื่อปรับการทำงานให้เข้ากับแรงบิดที่เพิ่มเข้ามาผ่านการควบคุมด้วยกล่อง ECU ทำให้ตอบสนองได้เร็วขึ้นในจังหวะของการเปลี่ยนเกียร์พร้อมระบบป้องกันเกียร์เสียหายเมื่อมีการเปลี่ยนเกียร์จากคนขับที่ไม่สัมพันธ์กับความเร็วรอบ แชสซีส์กระบะที่ออกแบบให้ลดอาการบิดตัวรองรับการขับขี่ในย่านความเร็วสูงได้ดี รวมถึงขนาดและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ การเข้าโค้งมีอาการโคลงตัวน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เพื่อความปลอดภัย ผมไม่แนะนำให้ขับรถ PPV - SUV ที่มีสัดส่วนความสูงมากกว่ารถทั่วไปเร็วจัดแบบรถสปอร์ต เมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วที่สูงมากเกินไป หรือต้องหักพวงมาลัยแบบฉุกเฉินเพื่อหลบเลี่ยงอุบัติเหตุ สัดส่วนความสูง ทำให้ค่า CG หรือ center of gravity ในรถยนต์ประเภทนี้จะเปลี่ยนอย่างเร็ว ทำให้เกิดอาการโคลง หรือแม้แต่อาการเสียหลักได้ ใช้ความเร็วที่เหมาะสมคุณจะเพลินใน Legender ว่ากันยังงั้นเลยทีเดียว
ขับมาได้ไม่ไกลนักพอออกจากบ้านบึงวิ่งบนเส้น 344 ชลบุรี-แกลง ก็มาโผล่แถวๆ หนองใหญ่ ในเทือกเขาที่ค่อนข้างสูงของชายเขตจังหวัดชลบุรี Toyota Motor Thailand จัดหนักเพื่อทดลองประสิทธิภาพของระบบขับ 4 ล้อ ที่เรียกว่า Sigma 4 แถบอำเภอหนองใหญ่ เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร เทอร์โบดีเซล มีพัฒนาการด้านการบูสพลังงานของเทอร์โบแบบใหม่ แรงบิด 500 นิวตันเมตร มากกว่ารุ่น 2.4 ลิตร ถึง 100 นิวตันเมตร เป็นตัวเลขที่แตกต่างกันพอสมควรเมื่อขับใช้งานจริงจัง โดยเฉพาะการขับบนเส้นทางออฟโรดที่จำเป็นจะต้องใช้แรงบิดรอบต่ำในการที่จะเอาตัวรอดบนทางวิบากที่แสนจะทารุณ แม้ไม่ได้แตะคันเร่งขณะที่ขับลุยหลุมบ่อก็ยังสามารถปล่อยไหลให้เคลื่อนที่ไปได้จากแรงบิดรอบต่ำที่มาในย่านเดินเบาแค่ 850 รอบต่อนาที มันก็สามารถไหลเอื่อยๆ เคลื่อนตัวไปบนทางโหดๆได้อย่างสบาย ชุดส่งกำลังออโต 6 สปีดตระกูล AC60 ของ Toyota นั้น จูนอัตราทดให้เข้ากับแรงบิดที่ได้รับจากเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นท็อปสุด โดยเน้นไปที่ประสิทธิภาพในการเอาตัวรอดบนเส้นทางวิบาก ไปจนถึงให้ความประหยัดขณะขับใช้งานแบบเดินทางไกล
เขาระเบิด ตั้งอยู่ ต.หนองใหญ่ อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี กลายเป็นจุดที่ใช้ขับทดสอบระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ใช้ฝึกฝีมือในวางวางตำแหน่งรถ การใช้คันเร่ง เพื่อฝ่าฟันเส้นทางที่ยากลำบากและเต็มไปด้วยอุปสรรคพวกหล่มโคลนที่ทั้งลื่นและลึก เป็นเส้นทางชมวิวทะเลหมอกแห่งใหม่ของชลบุรี แต่เดิมเปิดให้ขึ้นไปใช้งานเพื่อเป็นลานบินของคนที่รักกีฬาพาราไกด์หรือกีฬาร่มร่อน แม้จะไม่สูงเทียมเมฆเหมือนภูเขาทางภาคเหนือหรืออีสานแต่ความโหดในระดับน้องๆ ทีลอซูเมื่อฤดูฝนมาเยือนทำให้เป็นเส้นทางที่เหมาะต่อการทดสอบประสิทธิภาพของรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อหรือแม้แต่การฝึกควบคุมรถยนต์ในเส้นทางออฟโรดก่อนที่จะข้ามไปสู่ทางที่ยากลำบากมากกว่านี้
เส้นทางออฟโรดจากปากทางขึ้นไปจนถึงลานยอดเขามีความยาวประมาณ 4 กิโลเมตรเศษ ทางลูกรังที่อุดมไปด้วยหลุมบ่ออย่างลึก ร่องน้ำธรรมชาติที่ลึกและกว้างจนอาจทำให้พลิกคว่ำหากวางตำแหน่งล้อรถผิดพลาด รวมถึงเนินดินสูงชันที่มีความลื่นระดับหนังหมู ฤดูฝนที่มีฝนตกชุกทุกวันแบบนี้ทำให้สภาพเส้นทางสาหัสสากรรจ์ใช้ได้เลยทีเดียว เมื่อฝนตก สภาพเส้นทางจะเปลี่ยน ทำให้ต้องใช้รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้นถึงจะฝ่าฟันขึ้นไปได้แต่ก็ทุลักทุเลเต็มกลืน สภาพเส้นทางเป็นป่าดิบชื้นที่มีความสวยงามของพันธุ์ไม้ข้างทางเขียวชอุ่ม เขาหินปูนที่มีช่องชมวิวมองได้ไกลสุดสายตา ระหว่างทางในช่วงหน้าฝน คุณแทบจะไมีมีเวลาชื่นชมกับความสวยงามของเส้นทางที่ลัดเลาะป่าเขา ขึ้นลงสลับไปมาเพราะต้องวางตำแหน่งรถให้ถูกต้องไม่งั้นอาจติดหล่มจนไปต่อไม่ได้ ระยะทางแค่ 4 กิโลเมตรในช่วงขาขึ้นที่ต้องใช้เวลาขับไปถึงยอดเขาเกือบ 2 ชั่วโมงในช่วงหน้าฝน บ่งบอกถึงความโหดหินของภูเขาแห่งนี้ได้ดีที่สุด และถ้าฝนตกลงมา เกมก็จะเปลี่ยนทันที นั่นก็คือเส้นทางจะขับยากขึ้นไปอีกหลายเท่าเลยทีเดียว
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่วิศวกรของ Toyota เรียกว่า Sigma 4 ประกอบด้วย ระบบช่วยขับเคลื่อนยามต้องลุยฝ่าสภาพเส้นทางแบบออฟโรด ทั้ง 4Low และ 4 High รวมถึงการขับเคลื่อน 2 ล้อหลังในสถานการณ์ปกติ ระบบ Sigma 4 ถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในขณะขับเคลื่อนทั้งบนทางเรียบ และทางที่มีความทุรกันดารสามารถลุยฝ่าอุปสรรคได้ดี องค์ประกอบของ Sigma 4 มีรูปแบบของการขับเคลื่อน 3 รูปแบบคือ 2H ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง 4H ขับเคลื่อน 4 ล้อในสปีดความเร็วปานกลาง และ 4L ขับเคลื่อน 4 ล้อบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยดินโคลนลื่นๆ ที่ยากลำบากต่อการฟันฝ่าเอาตัวรอดเพื่อไปถึงยังจุดหมายปลายทาง ผสมผสานการทดกำลังของเกียร์และเฟืองขับสี่ผ่านการควบคุมด้วย ECU ของชุดขับเคลื่อน พร้อมระบบช่วยควบคุมการทรงตัวและระบบขับขึ้นหรือลงเนินที่มีความสูงชันมากกว่าปกติ
สวิตช์ควบคุมโหมดขับเคลื่อนแบบหมุน เมื่อใช้งานในตำแหน่ง H2 ภายใต้สภาวะผิวถนนเรียบ แห้ง รถขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูงโดยถูกออกแบบให้มีอัตราสิ้นเปลืองต่ำจากประสิทธิภาพของระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 6 สปีด ส่วน H4 เป็นโหมดการขับเคลื่อนที่ต้องการแรงยีดเกาะมากกว่าปกติ ใช้บนทางท่ีเปียกลื่น บนถนนลูกรังที่มีผิวไม่เรียบ รวมถึงทางขึ้นลงเนินเขาที่ไม่ลาดชันจนเกินไป สำหรับโหมด L4 มีการเพิ่มอัตราทดเกียร์เพื่อเพิ่มเติมประสิทธิภาพในการลุยทางวิบากที่เต็มไปด้วยหล่มโคลน ทางขึ้นลงเนินลาดชันที่มีองศาของความลาดชันมากกว่าปกติ
Sigma 4 คือหลักการทางวิศวกรรมระบบขับเคลื่อนทุกล้อ ออกแบบมาเพื่อลุยทางวิบาก ไม่ว่าจะเป็นหล่มลึกที่อัดแน่นด้วยขี้โคลน ที่สร้างความลำบากให้กับการลุยฝ่าเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย เนินสูงสุดลูกหูลูกตาที่ลื่นราวกับราดด้วยน้ำมันรำข้าว กลไกเฟืองทดกำลังกับสมองกลไฟฟ้าใน Sigma 4 จะคอยลดหรือเพิ่มแรงบิดไปยังล้อทั้ง 4 ตามการใช้คันเร่ง ให้ทำงานได้อย่างสอดคล้องกับสภาพเส้นทางขณะลุยเต็มสูบ ผมปรับโหมดขับเคลื่อนจาก 4H ไปที่ 4L ทันทีที่โผล่พ้นยอดเนินและต้องดิ่งลงไปลึกเกือบ 50 เมตร ท่ามกลางขี้เลนสีน้ำตาลที่ข้นคลั่กไปด้วยน้ำฝน การผสมผสานกันระหว่างดินกับน้ำจากสายฝน ทำให้จุดนั้นกลายเป็นบ่อโคลนที่ลึกเกือบจะถึงขอบประตู ความลึกทำให้ที่เหยียบขึ้นห้องโดยสารจมลงไปในโคลนจนมองไม่เห็น
ผมพยายามใช้คันเร่งเท่าที่จำเป็นไม่ให้เกิน 1,500 รอบต่อนาที เพื่อไม่ทำให้ล้อหมุนฟรีทิ้งเร็วมากจนเกินไปเมื่อวิ่งอยู่ในปลักโคลนลื่นๆ การฟรีทิ้งของรถคันหน้าจะทำให้รถคันหลังพบกับความยากลำบาก เนื่องจากหลุมหล่มจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พยายามบังคับพวงมาลัยเพื่อวางตำแหน่งของล้อหน้าให้ตรงกับทิศทางที่จะไป เพื่อป้องกันอุบัติเหตุเมื่อต้องลุยทางโหดๆ แบบนี้ คันเร่งถูกใช้ให้มีรอบแค่ 1,000-1,200 รอบต่อนาที ตัวช่วยอย่างระบบ Traction Control A-TRC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ Active Trailer Sway Control (TSC) และที่ถูกเปิดใช้งานตลอดเส้นทางออฟโรดก็คือ ระบบ Hill-start Assist Control (HAC)และ Down Hill Assist Control (DAC) กลไกป้องกันการไหลลงเนินด้วยความเร็วที่มากเกินไปทำงานเต็มระบบแทบจะไม่ต้องแตะเบรกช่วย ทำให้มีสมาธิในการควบคุมทิศทาง เพราะระบบช่วยชลอความเร็วระหว่างลงเนิน หรือหยุดรถนาน 3 วินาที เมื่อขับขึ้นเนิน โดยไม่ต้องเหยียบเบรก!
เฟืองท้าย Auto Limited Slip Differential เมื่อใส่โหมด 4L คุณจะได้ยินเสียงการทำงานของกระบวนเฟืองอย่างชัดเจนพร้อมๆ กับเสียงระบบเบรกอัตโนมัติที่อยู่ในระบบ Down Hill Assist Control (DAC) ดังเบาๆ พอให้รู้ว่ามันกำลังรับภารกรรมสาหัสในการที่จะทำให้รถไม่ไหลลงมาเร็วเกินไป ผมแค่คอยหักพวงมาลัยให้หัวของเจ้า Fortuner อยู่กับร่องกับรอยไม่ซวนเซเป๋ไปเป๋มาจนออกนอกเส้นทางเพราะความลื่นแล้วทำให้เกิดอุบัติเหตุ! ใช้คันเร่งแบบค่อยเป็นค่อยไปเนื่องจากความลื่นระดับเดียวกับครีมทาผิวของคุณสุภาพสตรี ระยะทางสั้นๆ แต่เสียวสยองช่วยสร้างประสบการณ์ของการขับลุยทางโหดได้ดี ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถเอาตัวรอดไปได้แต่ต้องมีคนคอยดูไลน์ไม่งั้นก็อาจวิ่งแหกลงไปในป่าข้างทางซึ่งจะเป็นการเพิ่มงานให้กับพวกกู้ภัยโดยใช่เหตุ!
Fortuner Legender 2.8 4WD วิ่งได้สมคำร่ำลือ มีความหล่อในแบบที่แปลกตา ขับได้ดีสมกับราคาค่าตัส ทั้งทางเรียบบนไฮเวย์ข้ามจังหวัดและทางวิบากหฤโหดโคตรเละที่ผมและเพื่อนๆ สื่อมวลชนเพิ่งจะลุยฝ่าออกมาแบบสดๆ ร้อนๆ ตามความเป็นจริงแล้ว เจ้าของ Fortuner ป้ายแดงที่เพิ่งจะถอยรถออกมาจากโชว์รูม พร้อมการเป็นหนี้ไฟแนนซ์ในจำนวนเงินที่ไม่ใช่น้อยๆ ถ้ามาเห็นทางสภาพแบบนี้คงไม่คงไม่มีใครกล้าเอาไปลุยหนักเพราะรถพัง แต่จริงๆ แล้วมันก็สามารถลุยฝ่าเอาตัวรอดได้อย่างสบาย ถ้ารู้วิธีการใช้คันเร่งและการบังคับทิศทางให้ถูกต้อง รวมถึงการใช้โหมดขับสี่ให้สอดคล้องกับสภาพเส้นทาง
สำหรับการขับใช้งานปกติ เช่น การขับในเมืองหรือออกทางไกล พร้อมด้วยการบรรทุกสัมภาระเต็มคัน Fortuner ใหม่ เป็นรถที่ Toyota Motor มีความตั้งใจในการปรับตั้งเพื่อการใช้งานเป็นพิเศษ เนื่องจากการเป็นเจ้าตลาด PPV รถออฟโรดของตนเอง ราคา 1.8 ล้าน เมื่อลองขับทดสอบทั้งทางเรียบและทางออฟโรด Legender เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่มีราคาสมน้ำสมเนื้อกับประสิทธิภาพของการขับเคลื่อนและอุปกรณ์ที่ใส่มาให้ แน่นอนว่าราคาแพงขนาดนี้มันคงไม่ใช่รถครอบครัวแบบอีโคคาร์คันเล็กที่ใช้ขับเฉพาะในเมืองอย่างแน่นอน ออปชันที่ครบเครื่องของรุ่นท็อปเครื่องดีเซล 2.8 ลิตร นอกจากการขับขี่ที่ใช้ได้แล้ว ยังมีระดับของความหรูจากโทนสีและการจัดวางอุปกรณ์ภายในของรถรุ่นนี้ เมื่อสิ้นสุดการทดสอบก็ทำให้ทราบว่า Legender เป็นรถที่ดีอีกคันและน่าจะทำตลาดได้ดี ส่งผลให้ Fortuner ยืนแป้นเบอร์ 1 รถ PPV ต่อไป มันเหมาะทั้งการขับแบบเรื่อยๆ หรือรีบเร่งด้วยการใช้ความเร็ว มีความสะดวกสบายจากอุปกรณ์ใหม่ๆ เปิดโอกาสให้มีทางเลือกที่เพิ่มขึ้น ต้องไปลองขับดูเอาเองว่าแรงบิดที่เพิ่มขึ้นจาก 450 มาเป็น 500 นิวตันเมตรของรุ่น 2.8 นั้นมันสาแก่ใจขนาดไหนเมื่อกดคันเร่งจนสุด จากความคิดเห็นส่วนตัวของผม มันวิ่งได้ดีทั้งทางปกติและทางออฟโรดที่ไม่ค่อยมีใครอยากเอารถเข้าไปลุย ราคาขนาดนี้ก็สมน้ำสมเนื้อกันดีกับสมรรถนะที่ได้รับเพราะดีขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดครับ.
Dimension Overall Length x Width x Height 4,795 mm. x 1,855 mm. x 1,835 mm.
Wheelbase 2,750 mm.
Tread Front/Rear 1,540 / 1,555 mm.
Min. Ground Clearance 193 mm
Interior Dimension Length x Width x Height 2,487 mm. x 1,478 mm. x 1,103 mm.
Engine Model 1GD-FTV (High)
Type4 cyl 16 Valve DOHC VN Turbo Intercooler
Displacement 2,755cc.
Bore x Stroke 92.0 mm.x 103.6mm.
Compression Ratio 15.6 : 1
Max. Output 150 Kw (204hp )@ 3,400 rpm
Max. Torque 500 Nm @ 1,600-2800 rpm)
Fuel Supply System Direct Injection Common-rail
Fuel Capacity 80 L.
Fuel Type diesel
Stop and Start System with Evaporator for Air Conditioning Temperature Control
Transmission and Chassis
Transmission 4WD 6AT with Sequential Shift and Paddle Shift
Gear Ratio 1-3.600
Gear Ratio 2-2.090
Gear Ratio 3 1.488
Gear Ratio 4 1.000
Gear Ratio 5 0.687
Gear Ratio 6 0.580
Reverse Gear Ratio 3.732
Final Gear Ratio 3.909
Front Suspension Double Wishbone with Stabilizer and Shock Absorber Only Legender
Rear Suspension 4 Link & Coil Suspension with Stabilizer Bar and Shock Absorber Only Legender
Front Brake Disc Brake / Ventilated Disc
Rear Brake Disc Brake / Ventilated Disc
Steering System Rack & Pinion Power Steering (VFC)
Min. Turning Radius 5.8 m.
Tyre and Wheel
Steel Wheel 265/50 R20
Spare Tire 265/50 R20
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
"มันใช้งานได้" - Google News
August 17, 2020 at 10:00AM
https://ift.tt/3iZFooH
สามห่วงทะลวงออฟโรด ลองโหด! FORTUNER 2.8 LEGENDER 4WD - ไทยรัฐ
"มันใช้งานได้" - Google News
https://ift.tt/357dMYK
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://ift.tt/3c5Fzvo
Bagikan Berita Ini
0 Response to "สามห่วงทะลวงออฟโรด ลองโหด! FORTUNER 2.8 LEGENDER 4WD - ไทยรัฐ"
Post a Comment