ในที่สุดประเทศไทยเราก็เริ่มเดินเข้าสู่ยุค 5G เป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ ซึ่งในปัจจุบันผู้ให้บริการทั้ง 3 ค่ายอย่าง AIS, DTAC และ TRUE ก็ได้ประมูลคลื่น 5G กันไปและได้เริ่มเอามาให้บริการกันบ้างแล้ว ซึ่งก่อนที่จะเลือกซื้อมือถือ 5G สักเครื่องมีสิ่งจำเป็นที่จะต้องรู้อะไรบ้าง ทั้งหมดรวมอยู่ที่นี่แล้ว
โดยทั่วไป 5G นั้นจะเหนือกว่า 4G ตรงที่มีการตอบสนองที่ไวกว่า, รองรับการรับ-ส่งข้อมูลได้มากกว่า, มีความเร็วมากกว่า, มีความถี่ที่กว้างกว่า และรองรับจำนวนคนใช้งานได้เยอะกว่า ด้วยประโยชน์เหล่านี้ทำให้มือถือ 5G นั้นจะไม่เจออาการกระตุกระหว่างเล่นเกมหรือแม้กระทั่งไม่จำเป็นต้องรอโหลดก่อนเริ่มดูหนังเลย ทีนี่เราไปดูข้อมูลที่ต้องรู้ก่อนจะซื้อมือถือ 5G สักเครื่องกันดีกว่า
ศัพท์สำคัญของ 5G ที่ต้องรู้
ในระบบเครือข่าย 5G นั้นมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามา ซึ่งจะส่งผลต่อการเชื่อมต่อระหว่างสัญญาณ 5G และอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้เรามักจะได้ยินจากตอนที่เปิดตัวมือถือกัน อย่างเช่น mmWave หรือ sub-6 เป็นต้น ซึ่งเราจะมาอธิบายศัพท์แต่ละตัวกันแบบง่าย ๆ ได้ดังนี้
mmWave
mmWave หรือชื่อเต็ม Millimeter wave เป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อสัญญาณที่ Qualcomm นิยามเอาไว้ โดย mmWave จะเป็นเทคโนโลยีที่เอาไว้เชื่อมต่อกับสัญญาณที่มีความถี่สูงกว่า 24GHz ขึ้นไป
ซึ่งโดยทั่วไปแล้วไม่ค่อยมีใครจะเอาความถี่สูง ๆ แบบนี้มาใช้กัน เนื่องมาจากการที่ยิ่งคลื่นความถี่สูงมากเท่าไร ระยะทางส่งสัญญาณก็ยิ่งสั้น แถมความสามารถในการทะลุทะลวงก็ยิ่งลด แม้แต่ฝ่ามือเราก็ยังไม่สามารถทะลุได้เลย แต่ด้วยเทคโนโลยีการออกแบบสมัยใหม่ในมือถือทำให้สามารถเอาคลื่น mmWave นี้มาใช้งานได้จริงแล้ว และมันสามารถทำความเร็วได้สูงถึง 1Gbps เลยครับ
Sub-6
Sub-6 เป็นเทคโนโลยีที่มาคู่กับ mmWave เพราะหากบอกว่า mmWave เป็นตัวจับคลื่นความถี่สูง Sub-6 ก็คือตัวจับคลื่นที่มีความถี่ต่ำกว่า โดยความถี่ที่ Sub-6 นั้นสามารถจับได้จะไม่เกิน 6GHz ซึ่งเป็นคลื่นที่มีความเสถียรและมีพื้นที่ครอบคลุมมากกว่านั่นเอง
โดยทั้วไปแล้ว Sub-6 จะเป็นสิ่งที่ต้องใส่มาคู่กับ mmWave ตลอดเพื่อให้อุปกรณ์สามารถเชื่อมต่อสัญญาณ 5G ได้ตลอด เพราะ mmWave นั้นโดยทั่วไปจะติดตั้งกันภายในเมืองใหญ่ ๆ หรือพื้นที่ ๆ มีคนเยอะมาก ๆ เท่านั้น เนื่องจากมีความแรงของสัญญาณมากกว่า ทำให้สามารถคงความเร็วสูงเอาไว้ได้ และจะใช้ Sub-6 นี้ในการเพิ่มพื้นที่ให้ครอบคลุมพื้นที่ ๆ mmWave ไม่สามารถไปถึงได้นั่นเอง
5G NR หรือ 5G New Radio
5G NR หรือ 5G New Radio เป็นชื่อเรียกรวมของเทคโนโลยี mmWave และ Sub-6 หากมีการพูดถึง 5G NR หรือ 5G New Radio ในข้อมูลของอุปกรณ์นั้น ๆ ก็มั่นใจได้เลยว่าอุปกรณ์นั้นจะมีครบทั้ง mmWave และ Sub-6
5G NSA หรือ 5G non-standalone
5G NSA หรือ 5G non-standalone เป็นเทคโนโลยีที่จะได้ใช้กันมากในช่วงเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีอย่างในปัจจุบัน โดย 5G NSA นั้นคือเทคโนโลยีที่จะเอาสัญญาณ 4G มาสนับสนุนการทำงานของคลื่น 5G ให้มีความเสถียรมากขึ้น ซึ่งเราจะพบเห็นได้มากในอุปกรณ์ที่รองรับ 5G ยุคแรก ๆ และหลังจากผ่านไประยะหนึ่งก็จะกลายเป็น 5G SA หรือ 5G Standalone แทน
5G SA หรือ 5G Standalone
5G SA หรือ 5G Standalone เป็นเทคโนโลยีที่จะตามมาในอนาคตหลังจากที่ระบบ 5G สามารถทำงานได้ด้วยตัวเองแล้ว และไม่จำเป็นต้องกลับไปพึ่งการสนับสนุนของ 4G อีก ด้วย 5G SA จะช่วยให้โครงข่ายมีความแข็งแรงมากขึ้น ทำให้ราคาค่าบริการนั้นถูกลงกว่าเดิมแน่นอน เรียกได้ว่า 5G SA คือจุดสูงสุดของยุค 5G นั่นเอง
Low-band
Low-band หรือคลื่นความถี่ต่ำ เป็นคลื่นในช่วงที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันอย่างเช่นคลื่อ 850MHz และ 900MHz ส่วนในคลื่น 5G ที่ไทยเราประมูลไปนั้นเป็นคลื่น 700MHz โดยคลื่นพวกนี้มีจุดเด่นคือมีระยะการกระจายสัญญาณได้กว้าง ครอบคลุมพื้นที่ได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องตั้งเสาสัญญาณเยอะ ส่วนข้อเสียก็คือความเร็วของสัญญาณที่ถูกจำกัดเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถทำความเร็วสูงเทียบเท่าคลื่นความถี่สูงได้
Ping
Ping คือค่าความไวในการรับ-ส่งข้อมูลผ่านเน็ต โดยจะเป็นชุดคำสั่งที่เอาไว้ทดสอบหาค่าเวลาในการเดินทางไป-กลับของข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทาง ซึ่งมันจะส่งผลต่อความไวในการตอบสนองคำสั่งเวลาเราใช้เน็ตนั่นเอง
Latency
Latency เป็นคำที่เราเอาไว้พูดถึงคุณภาพของสัญญาณ เนื่องจากการเดินทางของข้อมูลนั้นในทุกการกระทำจะมีการสูญเสียเวลาไป เช่นการที่เราเข้าเว็บไซต์ ตั้งแต่ที่เราส่งคำขอเข้าเว็บไซต์ไปจนถึงเซิร์ฟเวอร์ส่งข้อมูลกลับมา ระยะเวลาดำเนินการทั้งหมดนั้นนั่นหละคือ Latency และค่า Latency นี่แหละที่ทำให้ 5G โดดเด่นขึ้นมา เพราะ 5G นั่นสามารถทำให้ค่า Latency นี้ต่ำจนเหมืือนเป็นเน็ตไฟเบอร์ได้ ซึ่งยิ่งค่าการตอบสนองต่ำเท่าไรก็ยิ่งทำให้สามารถสั่งการระยะไกลได้เหมือนเราอยู่ที่ตรงนั้นได้
5Ge หรือ 5G Evolution
5Ge หรือ 5G Evolution เป็นชื่อที่ทำให้ดูสับสนแต่ถ้าให้เรียกง่าย ๆ ก็คือ 5G ปลอมนั่นเอง เพราะมันไม่ใช่ 5G จริง ๆ แต่เป็นชื่อทางการตลาดที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดกัน โดยหลักการทำงานของมันคือการเอาคลื่น LTE 4G มารวมเข้ากับเน็ตไฟเบอร์ ทำให้เกิดความเร็วที่สูงกว่า 4G จริง ๆ และถึงแม้จะเรียกว่า 5G Evolution แต่ก็ไม่ได้ใช้สัญญาณ 5G จริง ๆ เลยสักนิด
5G ในไทยมีคลื่นอะไรบ้าง
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา AIS และ TRUE เริ่มเปิดให้บริการ 5G ในเขตพื้นที่หลาย ๆ แห่ง โดยเริ่มจากจุดที่มีผู้คนหนาแน่นก่อน และในปัจจุบันก็ได้มีการขยายพื้นที่ให้บริการอยู่เรื่อย ๆ ซึ่ง 5G ที่ถูกประมูลไปนั้นจะประกอบไปด้วยคลื่น
- 700 MHz [n28]
- 2600 MHz [n41]
- 26 GHz [n258]
ซึ่งในปัจจุบันที่ AIS และ TRUE เอามาเปิดให้บริการก่อนคือคลื่น 2600 MHz ส่วน 700 MHz และ 26 GHz จะตามมาในอนาคต
วิธีเปิดใช้งาน 5G AIS และ TRUE
การใช้งาน 5G ในปัจจุบันนั้นหากอยากลองหรืออยากใช้แล้วละก็จะต้องมีเงื่อนไขเหล่านี้ครับ ซึ่งหากมีครบก็สามารถเปิดใช้งานได้เลย
เงื่อนไขในการเปิดใช้งาน
- อยู่ในพื้นที่ให้บริการ 5G
- มีเครื่องที่รองรับ 5G
- มีซิมที่รองรับ 5G
- มีแพ็กเกจที่รองรับการใช้งาน
หากมีทั้ง 4 ข้อนี้ครบก็สามารถเปิดใช้งาน 5G ได้เลย หรือจะตรวจสอบผ่านทางการกดรหัสได้ด้วยหมายเลขดังนี้
- AIS : *987#
- TRUE : *555*1#
หากเช็คแล้วสามารถใช้งานได้ สามารถกดรหัสต่อไปนี้เพื่อเปิดใช้งาน 5G ได้เลยครับ
- AIS : *212955
- TRUE : *555*2#
หลังจากกดโทรออกแล้วให้รอรับ SMS ตอบกลับ หลังจากที่ได้รับ SMS ยืนยันแล้วก็จะสามารถเล่นเน็ต 5G ได้เลย ซึ่งหลังจากสมัครใช้งาน 5G แล้วจะได้เน็ตปริมาณ 10GB มาทดลองใช้งานฟรี ๆ ก่อน โดยมีเงื่อนไขในการได้เน็ต 10GB ฟรีนี้ก็คือต้องเป็นเครื่อง / ซิมที่ยังไม่เคยกดขอสิทธิเท่านั้น หรือก็คือ 1 เครื่อง 1 ซิม 1 สิทธิ์
วิธีดูมือถือ 5G
ในปัจจุบันมือถือ 5G ที่เอาเข้ามาในไทยนั้นเริ่มมีกันหลายรุ่นแล้ว นอกจากนี้ยังมีเครื่องหิ้วที่ร้านค้าต่าง ๆ เอาเข้ามาขายด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะมาพร้อม mmWave และ Sub-6 หรือก็คือรองรับการใช้งานได้ยาว ๆ จนกระทั่ง 5G พร้อมใช้งานได้เต็มที่ ถึงแม้ว่าเครื่องที่วางขายอยู่ในปัจจุบันจะใช้งานได้เพียงแค่ Sub-6 เท่านั้น
สำหรับวิธีการดูแบบคร่าว ๆ ว่าเครื่องไหนรองรับ 5G นั้นสามารถตัดสินแบบผ่าน ๆ ได้จากการดูที่ชิปประมวลผลหรือ CPU เป็นหลัก โดยชิปประมวลผลที่รองรับ 5G นั้นจะมี
QUALCOMM
- Snapdragon 865 5G
- Snapdragon 765G 5G
MEDIATEK
- Dimensity 1000 / 1000L 5G
- Dimensity 800 / 820 5G
HUAWEI
- Kirin 990 5G
- Kirin 985 5G
- Kirin 820 5G
SAMSUNG
- Exynos 990 5G
- Exynos 980 5G
นอกจากการเช็คว่ามือถือเครื่องนั้นใช้ชิปประมวลผลตามด้านบนแล้วยังสามารถเช็ครายชื่อมือถือที่ใช้ 5G ในไทยได้ในหัวข้อต่อไป
รายชื่อมือถือ 5G ที่ใช้ในไทยได้
ในไทยนั้นมีการเปิดตัวมือถือและแท็บเล็ต 5G ออกมาหลายรุ่นแล้ว ซึ่งในปัจจุบันสามารถหาซื้อได้ตามร้านทั่วไป นอกจากนี้ยังมีการหิ้วมือถือจากต่างประเทศเข้ามาขายในไทยอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเครื่องนั้นสสามารถใช้งานในไทยได้ไหม เรามีคำตอบมาให้แล้วครับ โดยรายชื่อมือถือเหล่านี้ได้รับการทดสอบจาก Telecomlover แล้วว่าสามารถใช้งาน 5G ในไทยได้อย่างแน่นอน ซึ่งจะมีรุ่นไหนบ้างไปดูกันครับ
รุ่น | ศูนย์ | Sub-6 | mmWave |
---|---|---|---|
Huawei Mate 30 Pro 5G | ไทย | Yes | No |
Huawei P40 | ไทย | Yes | No |
Huawei P40 Pro 5G | ไทย | Yes | No |
Xiaomi Redmi K30 5G | จีน | Yes | No |
Xiaomi Redmi K30 Pro | จีน | Yes | No |
Samsung Galaxy S20 Ultra 5G | ไทย | Yes | No |
Xiaomi Mi 10 Pro | จีน รอม EU |
Yes | No |
Nubia RedMagic 5G | ไทย รอม Global |
Yes | No |
Vivo iQoo 3 5G | จีน | Yes | No |
Vivo iQoo Neo3 5G | จีน | Yes | No |
Xiaomi Black Shark 3 Pro | จีน | Yes | No |
Vivo NEX 3 5G | ไทย | Yes | No |
OPPO Find X2 | ไทย | Yes | No |
OPPO Find X2 Pro | ไทย | Yes | No |
Huawei Nova 7 | ไทย | Yes | No |
Huawei Nova 7 SE | ไทย | Yes | No |
Huawei Mate Pad Pro 5G | ไทย | Yes | No |
Realme X50 5G | ไทย | Yes | No |
สำหรับในปัจจุบันนั้นมือถือ 5G ในไทยที่มีราคาถูกที่สุดก็คือ Huawei Nova 7 / 7 SE ซึ่งใน Nova 7 นั้นรองรับทั้ง 5G SA และ 5G NSA ทำให้เป็นมือถือ 5G ที่สามารถใช้งานไปได้ยาว ๆ เลยเพราะรองรับ 5G ทุกแบบ ส่วน Nova 7 SE นั้นถือเป็นรุ่นราคาประหยัดลงมา ทำให้รองรับเพียงแค่ 5G NSA เท่านั้น แต่ด้วยราคาที่ถูกที่สุดในบรรดามือถือ 5G ทำให้ยังน่าซื้ออยู่ดี ถึงอย่างนั้นการไม่มี Google Services มาให้ด้วย ทำให้ไม่ค่อยถูกจริตคนไทยสักเท่าไร แต่หากใครที่อยากลองเล่น 5G ก่อนใครแล้ว Huawei Nova 7 / 7 SE นับเป็นมือถือ 5G ที่สามารถเอื้อมถึงได้ง่ายที่สุดแล้ว
จัดอันดับ 10 มือถือ 5G น่าซื้อในปัจจุบันสามารถดูได้ ที่นี่
อุปกรณ์เสริม 5G ในปัจจุบัน
หลังจากที่โลกเข้าสู่ยุค 5G แล้วแน่นอนว่าอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ก็ต้องพัฒนาให้รองรับ 5G ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราเตอร์และ Pocket WiFi ซึ่งในปัจจุบันนี้มีเพียง Huawei เท่านั้นที่มีขายในไทย ซึ่งผู้ที่เอามาขายนั้นก็คือ AIS และ TRUE นั่นเอง โดยที่เอาเข้ามาขายคือ Huawei 5G CPE Pro เราเตอร์กระจายสัญญาณ 5G ทีมีความเร็วสูงสุด 2Gbps
Huawei 5G CPE Pro รองรับการใช้งานที่หลายหลายไม่ว่าจะเป็นซิมการ์ด 4G / 5G หรือสายแลนก็ได้ ทำให้สามารถเอาตัวเครื่องไปวางตรงไหนก็ได้ขอแค่มีปลั๊กไฟและสัญญาณถึงก็พอ โดย Huawei 5G CPE Pro ที่เอาเข้ามาขายในไทยนั้นจะรองรับคลื่น 2600MHz ที่เป็นคลื่นหลักที่ใช้ในไทย แต่ทว่า Huawei 5G CPE Pro นั้นจะไม่รองรับ WiFi 802.11 ax หรือ WiFi 6 นะครับ
Huawei 5G CPE Pro มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 12,900 บาท โดยเมื่อซื้อกับทาง AIS จะได้ราคาพิเศษเหลือเพียง 8,900 บาท แต่ก็ต้องติดสัญญา 1 ปี ด้วยนะครับ ส่วนแพ็กเกจจะมีให้เลือกอยู่ 2 ราคา คือ 599 บาทและ 1,099 บาท ซึ่งจะได้เน็ต 100GB และ เน็ตไม่อั้นตามลำดับ ส่วนของ TRUE นั้นจะไม่มีการผูกโปรใด ๆ จ่ายราคาเต็มอย่างเดียวเท่านั้น
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้ทางออนไลน์ได้ผ่านทางเว็บไซต์ของ TRUE , AIS
เราจำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้มือถือ 5G เลยไหม
ทันทีที่เราก้าวเข้าสู่ยุค 5G รวมถึงหลังจากที่ผู้ให้บริการทำการประมูลคลื่น 5G เสร็จ คำถามที่จะเจอทันทีก็คือเราจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นมือถือ 5G ไหม ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วมองว่าในปัจจุบันนั้นยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบเปลี่ยน เนื่องจากในช่วงแรงนั้นมือถือ 5G ที่ออกมาจะเน้นไปที่ระดับเรือธง อีกทั้งมือถือ 5G ที่ออกมาในช่วงแรกจะมีราคาที่แพงกว่าปกติมาก เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่นั่นเอง แถมผู้ให้บริการเองก็ยังวางโครงข่ายไม่ครอบคลุมด้วย ทำให้ยังไม่สามารถนำคลื่นที่ประมูลไปทั้งหมดนั้นมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้ไม่สามารถใช้งานความสามารถของมือถือ 5G ได้อย่างเต็มที่
ดังนั้นจึงควรรอให้โครงข่าย 5G มีความสมบูรณ์ยิ่งกว่านี้ก่อนดีกว่า อย่างน้อยก็น่าจะสัก 1 – 2 ปีข้างหน้า 5G ถึงจะสมบูรณ์เพียงพอที่จะใช้งานได้อย่างเต็มที่ พอถึงเวลานั้นมือถือ 5G ที่ราคาต่ำกว่า 10,000 บาท อาจจะมีตัวเลือกให้เลือกซื้อเพียบแล้ว แต่หากอยากจะลองของ ของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก่อนใคร หรืออยากซื้อมือถือระดับเรือธงในตอนนี้ และใช้งานยาว ๆ สัก 2 – 3 ปี ตัวเครื่องก็ควรจะต้องรองรับ 5G แล้ว จะได้ไม่ต้องมาคอยเปลี่ยนเครื่องบ่อย ๆ นั่นเอง
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่จำเป็นต้องรู้ก่อนจะเลือกซื้อมือถือ 5G สักเครื่อง หากเพื่อน ๆ มีวิธีดี ๆ ก็สามารถมาแชร์ให้กันได้นะครับ รวมถึงหากมีเรื่องสงสัยสามารถสอบถามกันเข้ามาได้เลยนะครับ
"มันใช้งานได้" - Google News
June 27, 2020 at 01:18PM
https://ift.tt/2BL2DSK
ทุกสิ่งที่ต้องรู้ก่อนจะซื้อมือถือ 5G สักเครื่อง ทั้งหมดรวมอยู่ที่นี่แล้ว - SP : SPECPHONE
"มันใช้งานได้" - Google News
https://ift.tt/357dMYK
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://ift.tt/3c5Fzvo
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ทุกสิ่งที่ต้องรู้ก่อนจะซื้อมือถือ 5G สักเครื่อง ทั้งหมดรวมอยู่ที่นี่แล้ว - SP : SPECPHONE"
Post a Comment