Search

คอลัมน์การเมือง - ทางที่ 'ลุงตู่' ควรพาเราไป - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

soho.prelol.com

7 กรกฎาคม 2563 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์Sudarat Keyuraphan” แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณ ปี 2564 มีเนื้อหาดังนี้

ชำแหละงบประมาณปี’64 EP.2


งบ #เสริมสร้างกำลังกองทัพ ทั้ง 3 เหล่าทัพของกระทรวงกลาโหม ตั้งผูกพันตั้งแต่ปี’61-66 ณ ปี’64 ยังเหลืออยู่ตั้ง 117,000 ล้านบาท ยังมาตั้งงบใหม่
ในปี’64 อีกเกือบ 30,000 ล้านบาท รวมทั้งงบ #สร้างเสริมยุทโธปกรณ์ บวกซ่อมแซมอีกกว่า 10,000ล้านบาท

เอาเงินกว่า 40,000 ล้านบาทนี้ ไปจ้างเกษตรกรปลูกพืชปรับปรุงดิน และช่วยค่าปรับปรุงการผลิตให้ใช้สารเคมีน้อยลง เพื่อปูพื้นฐานไปสู่การผลิต “อาหารปลอดภัย” ครัวเรือนละ 15,000 บาท จะได้ประโยชน์คุ้มค่ากว่า

จะช่วยเกษตรกรได้เกือบ 3 ล้านครอบครัวให้ผลิตอาหารปลอดสารพิษ ได้ทั้งการช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ใหม่ให้เกษตรกร และช่วยให้คนไทยได้บริโภคอาหารที่ปลอดภัย

#เพื่อไทย จะตัดงบเหล่านี้ในกรรมาธิการ เอามาให้ประชาชนเองค่ะ”

ผมคิดว่ารอบนี้ “สุดารัตน์” เล่นเป็น ไม่เลอะเทอะ ไม่จิกกัด แต่ฟาดเข้าก้านคอทหารเต็มๆ

ความจำเป็นจริงๆ ของกองทัพจะมีแค่ไหนไม่รู้ล่ะ แต่สถานการณ์แบบนี้ บริบทแบบนี้ มันเอื้อให้คน “รู้สึก” มากว่า เธอจะไปรบกับใคร ประชาชนจะตายเพราะพิษเศรษฐกิจกันหมดแล้ว ยิ่งพอคุณหญิงสุดารัตน์ไม่เอาแต่แขวะว่างบประมาณของทหารเยอะ แต่“ยกตัวอย่าง” ให้เห็นเป็นรูปธรรม ว่าควรนำไปทำอะไร ก็ยิ่งทำให้ความเห็นรอบนี้ของเธอ “มีน้ำหนัก”

ประชาชนกำลังประสบปัญหา ต้องการรัฐเข้ามาช่วยแก้ปัญหา เพราะปัญหารอบนี้มัน “เกินกำลัง” ของประชาชนหลายกลุ่มที่จะแก้ไขได้ด้วยตัวเอง ต้องการการส่งเสริมจากรัฐ ทั้งวิธีการ งบประมาณ และเครื่องไม้เครื่องมือให้ “ดำรงชีพต่อได้” และได้รับการยกระดับขึ้นมา

แน่นอน การจ้างเกษตรกรปลูกพืชปรับปรุงดินที่คุณหญิงเสนอนั้น สองต่อที่ได้คือ เกษตรกรมีเงินจากการจ้างงาน งานที่ทำอยู่ในท้องที่ของตัวเอง ไม่ต้องพลัดที่นาลาที่อยู่ ค่าครองชีพก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น หนำซ้ำ ดินที่ขาดการปรับปรุงก็ได้รับการปรับปรุง

ถ้าจะคิดให้เยอะกว่าคุณหญิง ก็นำเอาจุลินทรีย์ต่างๆ มาช่วยปรับปรุงเพิ่มเติม ซึ่งเรื่องนี้ ไปเรียนรู้กับ ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ ท่านทำอยู่ รู้จริง มีโครงการต้นแบบ มีประชาชนต้นแบบที่จะเป็น “ครู” ของคนอื่นๆ ได้

คุณหญิงสุดารัตน์ไม่ได้หยุดแค่นั้น ยังโพสต์ต่อด้วยว่า

“จากนี้ไปคนไทยกำลังเจอกับ #สึนามิเศรษฐกิจ ครั้งยิ่งใหญ่ ที่จะนำมาซึ่งความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส

การจัดงบประมาณแผ่นดินปี’64 จะจัดงบปกติอย่างทุกปีไม่ได้ ต้องทุ่มทุกบาททุกสตางค์ไปกู้วิกฤติเศรษฐกิจให้ได้ก่อน โดยควรจัดงบไปลงทุนในโครงการที่ทำให้เกิดการสร้างงาน และรายได้ใหม่ให้ประชาชน

แต่การจัดงบประมาณปี’64 ยังจัดกันแบบเดิมๆ

“นายกฯยัง #ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับทุกข์ของคนไทยยังแจกจ่ายงบแบ่งเค้กกันอย่างสนุกสนาน ระหว่างผู้มีอำนาจกับพ่อค้า บนความทุกข์ยากของประชาชน”

อย่างงบที่ควรตัดในปี’64 ของกลาโหม แต่พลเอกประยุทธ์ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมไม่ยอมตัด

ดิฉันขอถามพลเอกประยุทธ์ ว่า “หยุดซื้ออาวุธ หยุดสร้างอาคารใหม่ หยุดเช่ารถใหม่สักปีจะได้ไหม?” เพื่อนำเงินจำนวนนี้มาช่วยเกษตรกร และคนตกงาน 8.3 ล้านคน จะดีกว่า ในยามที่ประเทศกำลังเผชิญ #สึนามิเศรษฐกิจ ซึ่งดิฉันเชื่อว่า พี่น้องทหารมืออาชีพส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะยอมเสียสละ หยุดซื้ออาวุธ หรือหยุดสร้างอาคารสัก 1-2 ปี แต่คนที่ไม่ยอมตัดงบเหล่านี้มาช่วยชาวบ้าน น่าจะเป็นพวกที่มีอำนาจใช่หรือไม่?

“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ารัฐมนตรีกลาโหมที่ชื่อพลเอกประยุทธ์ ไม่ยอมตัด #เพื่อไทย จะตัดในกรรมาธิการ เอามาให้ประชาชนเอง”

ไม่ว่าใครจะชอบหรือชังตัวบุคคลอย่างไร แต่สิ่งที่คุณหญิงสุดารัตน์โพสต์ เป็นสิ่งที่สังคมไทยต้องขบคิดร่วมกัน ที่สำคัญ ต้องช่วยกันเรียกร้อง “ความชัดเจน” ของการจัดการ ที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ต้องเปิดเผย อันจะนำไปสู่การร่วมมือกันรับมือกับปัญหา ประชาชนก็จะได้เตรียมพร้อม ข้าราชการ เอกชน รัฐบาล ก็เข้ามาส่งเสริมและเติมเต็ม กอดคอกันฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกันได้ โดยไม่มีใครเป็นภาระของใครอยู่ฝ่ายเดียว

มาดูสภาพความเป็นจริงที่เราต้องคิดกันหน่อยครับ

1) บ้านเมืองของเราอยู่ระหว่างความคลุมเครือ ไม่ชัดเจน อันเนื่องมาจากการไม่ตัดสินใจ ไม่สื่อสาร ของนายกฯ ว่า จะปรับคณะรัฐมนตรีไหม ไม่ได้อยากรู้แบบสอดรู้สอดเห็น แต่ “ความชัดเจน” มีผลกับหลายๆ เรื่อง

2) ทุกวันนี้เรารู้กันหรือไม่ ว่าใครจะมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทีม “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ทั้งทีมหรือ แล้วจะเป็นยังไงต่อ ทีมสมคิดบวกกับคนที่เข้ามาใหม่ จะเป็นไง หรือทีมใหม่ล้วนๆ จะเป็นไง “เราคิดอะไรไม่ได้เลย เพราะเราไม่มีคำตอบ ใช่หรือไม่ใช่”

3) ยุทธศาสตร์ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ”ที่ผ่านมาให้ผลดี แต่เวลานี้ คนส่วนใหญ่อยู่บ้านต่อไม่ได้แล้ว ไม่มีจะกิน ต้องออกมาทำมาหากิน แต่การจ้างงาน การจับจ่ายใช้สอย จะเป็นอย่างไรต่อไป ก็ยังคลุมเครือใช่ไหม หลายคนเปิดร้านแล้วขาดทุน ไม่ต่างจากปิดร้านแล้วขาดทุน ไม่มีรายได้ สุดท้ายตัดสินใจปิดถาวร เก็บเงินเท่าที่มีชัวร์ๆ ไว้ก่อน แล้วหาทางปรับตัวมีรายได้จากช่องทางอื่น รักษาตัวเองและครอบครัวโดยไม่อาจรักษาลูกจ้าง/คนงานได้

4) เงินเยียวยาหมดแล้ว เดือนนี้ เดือนหน้าหลังจากนั้นคือ ชีวิตจริงล้วนๆ ตู้ปันสุขทยอยเลิกฮิต การแจกถุงยังชีพลดลงเรื่อยๆ คนจำนวนหนึ่งพออยู่ได้ แต่มีอีกจำนวนหนึ่งอาจไม่ไหว รัฐมีมาตรการอะไรรองรับ?

5) ถ้าเกิดโควิด-19 กลับมาระบาดรอบสอง อาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ตั้งคำถามกับผมว่า “คุณเคยได้รับรู้ไหม ว่ารัฐบาลมีทางเลือกที่จะจัดการอย่างไรกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น”

6) เงินกู้ที่รัฐบาลกู้มา ถึงมือเอสเอ็มอีจริงไหม พวกเขาเข้าถึงสินเชื่อนั้นหรือไม่ ถ้าไม่ถึง เขาทำอย่างไร หนี้เก่าที่มีล่ะ โอกาสไปต่อล่ะ หรือจะกลายเป็นคนมีหนี้ เครียด ล้มละลาย หรือตายง่ายกว่าอยู่กันแน่อันนี้น่าห่วง

7) นักธุรกิจขายแซนด์วิช ที่เคยหมดเนื้อหมดตัวในยุคฟองสบู่แตก แล้วตั้งหลักใหม่ด้วยการขายแซนด์วิช ออกมาเตือนว่า ให้รักษาเงินสดในมือเอาไว้ให้นานที่สุด เพราะรอบนี้ หนักกว่าคราวนั้น ที่เป็นการกระทบกับสถาบันการเงินและคนที่ไปกู้มาทำกิจการ แต่ตลาดทั่วไปยังอยู่ ต่างประเทศยังดีอยู่คนล่างๆ ไม่ได้กระทบอะไรมาก ยังจับจ่ายใช้สอยกันอยู่ ก็ฟื้นตัวง่าย แต่รอบนี้เจอกันทั่วโลก มันฟื้นยาก ใช้เวลาหลายปีแน่ๆ

8) เด็กที่เพิ่งเรียนจบ หางานที่ไหน ถ้าหาไม่ได้กลับไปอาศัยพ่อแม่ พ่อแม่แบกรับกันไหวหรือไม่ จะช่วยกันผ่านพ้นความอัตคัตขัดสนไปอย่างไร และนานไป ความรู้ที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้งาน จะย่อหย่อนไปหรือเปล่า เมื่อจะกลับเข้าสู่การจ้างงานในภายภาคหน้ามีประสิทธิภาพที่จะทำงานจริงหรือไม่

9) โครงการที่ให้หน่วยงานราชการเขียน ขอเงินกู้ไปทำ จะส่งผลอย่างไรกับชีวิตประชาชนทั่วประเทศ เร็วหรือช้า ตอบโจทย์ปัญหาที่แท้จริงหรือสักแต่มีโครงการ ใครให้คำตอบเราได้?

10) รัฐบาลจัดเก็บรายได้ได้ต่ำลงเรื่อยๆ อะไรจะเป็นรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณถัดไป ขณะที่ค่าใช้จ่ายยังคงเดิมและเพิ่มขึ้น จะต้องมีคนออกจากระบบราชการเท่าไหร่ สวัสดิการต่างๆ ของประชาชน รัฐจะยังรองรับไหวไหม การกู้ก็ใกล้จะเต็มเพดานแล้ว ถ้าจะต้องกู้อีก ไหวไหม

ไม่ได้เล่าให้กลัว เล่าให้มองเห็นภาพเพื่อจะได้ใส่ใจกับการดำเนินชีวิตในวันนี้ ว่า “อย่าได้ประมาท”

และไม่ได้เขียนให้เกลียด แต่ให้ช่วยกันคิด ช่วยกันถาม ช่วยกันส่งเสียง เพื่อเอาภาพอนาคตที่ชัดเจนมาเตรียมการรับมือ!!

Let's block ads! (Why?)



"มันใช้งานได้" - Google News
July 08, 2020 at 02:00AM
https://ift.tt/2Z5gLQb

คอลัมน์การเมือง - ทางที่ 'ลุงตู่' ควรพาเราไป - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
"มันใช้งานได้" - Google News
https://ift.tt/357dMYK
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://ift.tt/3c5Fzvo

Bagikan Berita Ini

0 Response to "คอลัมน์การเมือง - ทางที่ 'ลุงตู่' ควรพาเราไป - หนังสือพิมพ์แนวหน้า"

Post a Comment

Powered by Blogger.