ทั้งนี้ เพราะการกู้เงินจากต่างประเทศจะมีความเสี่ยงต่อฐานะการคลังของประเทศในอนาคต อีกทั้งยังมีความเสี่ยงในอัตราแลกเปลี่ยนที่เศรษฐกิจไทยจะทรุดหนัก ซึ่งจะทำให้ค่าเงินบาทอาจจะอ่อนค่าลงได้ ซึ่งจะทำให้ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ การกู้เงินจากต่างประเทศจะยิ่งทำให้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอยู่แล้ว จะยิ่งแข็งค่ามากขึ้นไปอีก เป็นอุปสรรคซ้ำเติมการส่งออกที่ย่ำแย่ติดลบหนักอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องเหล่านี้ตนได้เคยเตือนไว้ก่อนแล้ว แต่ พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะไม่มีความเข้าใจ อีกทั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ก็ยังไม่เข้ามา เลยสงสัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะถูกหลอกอีกแล้วหรือไม่

ทั้งนี้ โดยปกติการกู้เงินจากต่างประเทศจะมีค่าคอมมิชชั่นในการกู้ด้วย อยากทราบว่าค่าคอมมิชชั่นดังกล่าว ใครเป็นผู้ได้รับ อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบสังคมด้วย โดยแทนที่จะกู้เงินจากต่างประเทศ รัฐบาลสามารถออกพันธบัตรขายให้กับประชาชนทั่วไปได้ หรือ ถ้าเป็นห่วงสภาพคล่องในระบบ ก็สามารถขายให้กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพิ่มสภาพคล่องในระบบได้เหมือนที่ธนาคารกลางของหลายประเทศกำลังทำกัน โดยไม่ต้องห่วงภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งปัจจุบันภาวะเงินเฟ้อติดลบอยู่แล้ว ซึ่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนเก่า และคนใหม่ที่จะเข้ามา น่าจะแนะนำรัฐบาลได้ ดังนั้นจึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ศึกษาเรื่องนี้และทบทวนให้ดีอย่าดำเนินการโดยขาดความรู้ความเข้าใจซึ่งจะตอกย้ำปัญหาการดื้อที่จะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ทั้งที่ขาดความรู้ความสามารถที่จะบริหารเศรษฐกิจได้ โดยเรื่องการกู้เงินจากเอดีบีนี้ตนได้สอบถามไปยัง ดร.วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว ซึ่งท่านมึความเห็นตรงกัน โดยท่านยังฝากถามเรื่องความโปร่งใสของค่าคอมมิชชั่นของการกู้เงินจากต่างประเทศด้วย