พูดได้ว่าการมาของ Samsung Galaxy Buds Live หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ ล่าสุดเป็นการพลิกโฉมดีไซน์หูฟังไร้สายแบบ Earbuds ด้วยรูปทรงสุดไอคอนิกที่ออกแบบให้โค้งรับสรีระหูโดยเฉพาะ
Samsung Galaxy Buds Live มาพร้อมที่สุดแห่งคุณภาพเสียงโดยผู้เชี่ยวชาญอย่าง AKG มอบพลังเสียงนุ่มลึกมีมิติด้วยลำโพงขนาด 12 มม.และ Bass Duet นอกจากนี้ยังมาพร้อมลำโพง 3 ตัว และเทคโนโลยี Voice Pick-up Unit (VPU) ช่วยให้การสนทนาคมชัดราวกับอยู่ในที่เดียวกัน
ดีไซน์ในแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
เริ่มต้นกันด้วยแพคเกจของหูฟัง Samsung Galaxy Buds Live กันเลยครับ หน้าตาแพคเกจโดยรวมนั้นมีการออกแบบที่สวยงาม เรียบง่ายตามแบบฉบับของ Samsumg
แกะกล่องออกมาเราก็จะเจอกับอุปกรณ์ทั้งหมดภายในกล่องที่ประกอบไปด้วย
- ตัวหูฟัง Samsung Galaxy Buds Live
- กล่องสำหรับใส่หูฟังและเป็น Charging Case
- จุกหูฟังที่สามารถปรับขนาดได้
- สายชาร์จไฟ USB-C
ต่อกันที่ดีไซน์ของ Samsung Galaxy Buds Live นั้นสะดุดทุกสายตาอยู่เสมอแม้จะซ่อนอยู่ในหูของคุณก็ตาม ด้วยรูปทรงที่โค้งรับกับใบหูและใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ, สีมันเงาอันสวยสดงดงาม รวมไปถึงเคสขนาดกะทัดรัดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกล่องเครื่องประดับที่คุณสามารถถือพกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ส่วนของตัวเคสด้านบน(ฝาปิด) จะเป็นตำแหน่งของโลโก้ของทาง SAMSUNG และบรรทัดที่ 2 มีคำว่า Sound by AKG สกรีนเอาไว้
ส่วนล่างที่เห็นจะเป็นแค่ข้อมูลเกี่ยวกับหูฟัง ส่วนนี้เราสามารถวางกับมือถือ หรือ แท่นชาร์จไฟไร้สาย เพื่อชาร์จไฟได้
ตัวเคสของ Samsung Galaxy Buds Live ทำออกมาได้ค่อนข้างเล็กและเบาครับหากเทียบกับ AirPods Pro เรียกว่าทำได้ใกล้เคียงกัน และพกพาสะดวกกับผิวมันในสี Mystic White และ Mystic Black ส่วนสี Mystic Bronze จะออกผิวด้านสักหน่อย ตัวเครื่องด้านหลังเป็นตำแหน่งของช่อง USB สำหรับชาร์จไฟให้กับตัวเคส (การชาร์จไฟนั้นเราจะใช้เป็นสายแบบ USB Type-C)
เมื่อเราเปิดฝาตัวเคสออกมานั้นก็จะพบกับช่องเก็บหูฟังที่มีตำแหน่ง L-R พร้อมมีไฟเล็กๆ แสดงสถานะของแบตเตอรี่ระบุเอาไว้ และด้วยการดีไชต์ของตัวหูฟังทำให้แน่นอนว่าการใส่ผิดฝั่งเป็นไปได้ยากมากเพราะยังไงก็ไม่ลงล็อคแน่ๆ พร้อมกับไฟสถานะการชาร์จไฟของหูฟัง วิธีสังเกตง่ายมาก
- สีเขียวคือไฟเต็ม
- สีเหลือง ไฟจะอยู่ระดับ 25 - 50%
- สีแดงต่ำกว่า 25%
คำแนะนำคือ ทำความสะอาดได้แค่เช็ดเบาๆ แต่ว่า อยากไปกัดขั้วที่สีทองแดงมาก เพราะอาจจะทำให้ระบบชาร์จไฟหูฟังไม่ทำงาน
ด้านหน้าของกล่องเก็บหูฟังจะมีไฟสถานะของไฟกล่องว่ามีไฟปริมาณเท่าไหร่ จะบอกทั้งหมด 3 สีคือ สีเขียว สื่อถึงไฟยังเต็ม สีเหลือง ไฟเหลือระดับที่ยังใช้ได้ สีแดงไฟเหลือน้อย แต่ถ้าไฟน้อยจนไม่ชาร์จให้หูฟังจะเป็นสีแดงกระพริบ
ต่อมาเป็นส่วนของพรเอกครับหูฟัง Samsung Galaxy Buds Live ที่เราบอกไปแล้วว่ามันโดนล้อเลียนเรื่องรูปร่างหน้าตาตั้งแต่มีภาพม็อคอัพหลุดออกมา(พี่เมล็ดถั่วของน้อง!) แต่คุณเอ่ยของจริงสวยมากและแน่นอนรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของมันทำให้หลายๆ คนอยากสัมผัสของจริง! พร้อมกับส่วนบนจะมีจุดสัมผัส พร้อมกับไมโครโฟนขนาดใหญ่และอีกตัวมีขนาดเล็กลงมา
ตัวหูฟังด้านในนั้นจะมีขั้วแม่เหล็กสำหรับการชาร์จไฟในตัวเคสอยู่ทั้งข้าง L และ R, ไมโครโฟน 1 ตัว(รุ่นนี้มาพร้อมลำโพง 1 ตัวแบบรูใหญ่และฝั่งกับหูฟังอีก 1) และส่วนของเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวหากถอดออกเพลงจะหยุดทันที หรือการพูดคุยสายสนทนา จะตัดไปที่มือถือทันที
นอกจากนี้ตัวหูฟังยังมาพร้อมกับระบบผิวสัมผัสที่พอลองเอานิ้วแตะสั่งการทำงานำทำให้เราได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ดีเลย เราสามารถควบคุมการใช้งานของตัวหูฟังด้วยการสัมผัสผิวได้ทั้งฝั่งซ้ายและขวาซึ่งแต่ละข้างจะมีหน้าที่การทำงานต่างกัน
มาดูต่อกันครับว่าแต่ละข้างของหูฟังทำงานอะไรบ้าง? สำหรับการแตะสัมผัสที่หูฟังจะทำงานตามฟังก์ชั่นดังนี้
- แตะ 1 ครั้ง = เล่นเพลง หรือหยุดเพลง (Play or Pause)
- แตะ 2 ครั้ง(Double Tap) = เลื่อนเพลงถัดไป หรือ ใช้รับสาย หรือ วางสายได้
- แตะ 3 ครั้ง(Triple Tap) = ย้อนกลับเพลงที่เปิดก่อนหน้า
- แตะค้างไว้(Touch and Hold) = จะเป็นการเปิด-ปิดระบบ Active Noise Canceling
สำหรับการแตะค้างสามารถเปลี่ยนค่าได้ โดยเข้าไปที่ Apps Galaxy Buds Live สำหรับ iOS และ Galaxy Wearable สำหรับ Android สามารถเลือกเปลี่ยนได้ทั้ง
- การปิด-ปิด Active Noise Canceling
- คำสั่งเสียง(Voice Command)
- ปรับระดับเสียง แบ่งเป็น ข้างขวา-จะเป็นการเพิ่มระดับเสียง, ข้างซ้าย-เป็นการลดระดับเสียง
นอกจากนี้ภายในแอปพลิเคชัน ยังสามารถตั้งปิดตัวสัมผัสได้เมื่อเราไม่ต้องการ
ภาพรวมการออกแบบ
ต้องชมการออกแบบรอบนี้ แม้ว่าจะถูกล้อเลียนว่าเป็นน้องถั่ว!! แต่เมื่อใช้งานจริงๆ มันออกแบบให้สามารถใช้ใส่กับหูฟังได้ง่าย ไม่ดันหู และอึดอัดเกินไป และสามารถเปิด / ปิด แค่เราใส่หูหรือถอดออก ส่วนกล่องนั้นเป็นอีกความสะดวกสบายในการเก็บและพกพาอย่างมากเลยครับ เพราะเป็นสี่เหลี่ยม และพกง่าย ขนาดไม่แตกต่างจาก Galaxy Buds+ มากนัก ดังนั้นถ้าใครต้องการหูฟังที่ใส่ได้สบายทุกรูปแบบ Galaxy Buds Live ดูท่าจะตอบโจทย์ครับ
ลองฟังเสียงและรู้จักกับฟีเจอร์ Samsung Galaxy Buds Live
การจับคู่กับมือถือง่ายไหม
เปิดโหมดการจับคู่ของ Galaxy Buds Live กับมือถือเพียงแค่เปิด Bluetooth เพื่อเชื่อมต่อ (Pairing) อุปกรณ์ทั้งสองเข้าด้วยกัน ซึ่งการเชื่อต่อก็สามารถทำได้ง่ายๆ และทำแค่เพียงครั้งแรกเท่านั้น ความแตกต่างระหว่าง iOS และ Android คือ ถ้า ฝั่ง Android เป็นมือถือ Samsung จะมีกราฟิกขึ้นมาและใช้ แต่ถ้าเป็น iOS หากไม่ได้โหลด Apps ต้องเชื่อมต่อใน Setting (ตั้งค่า) เลือกที่ Bluetooth เท่านั้น
คำแนะนำ ถ้าโหลดผ่าน Application Galaxy Wearable (Android) หรือ Samsung Galaxy Buds (iOS) จะเจอกันโดยอัตโนมัติ
คุณภาพเสียง / ฟีเจอร์จัดการเสียงรบกวน
สิ่งหนึ่งนอกจากหน้าตาของ Galaxy Buds Live ที่จะดูดีและหรูหราแล้ว นั่นคือฟังก์ชั่นสุดฉลาดของมัน เพราะหูฟังรุ่นนี้มีฟีเจอร์ ANC หรือ Active Noise Canceling ในตัว ช่วยจัดการเสียงรบกวนข้างนอกให้ออกไป โดยจะเน้นแต่เสียงที่จำเป็นเช่นเสียงพูด, เสียงประกาศ เท่านั้น แต่เมื่อใช้งานพบว่า การตัดเสียงทำได้ดีเทียบเท่ากับหูฟังแบบ In Ear แต่ว่าไม่ได้สงบเงียบเหมือนกับหูฟังที่ออกแบบเพื่อใช้งานสงบอย่าง Headphone แต่ถ้าอยู่บนรถไฟฟ้า หรือการขนส่งมวลชนผมว่ามันก็สร้างความเพลิดเพลินได้มากอยู่
ส่วนคุณภาพของระบบบเสียงให้ความดังกำลังดี เพราะ Driver ขนาด 12 มิลลิเมตรถือว่าขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดของหูฟังและออกแบบให้มีการเปล่งเสียงเบสได้อยู่บ้างจากการปรับจูนโดย AKG นั้นก็ให้เสียงที่มาครบเครื่องแต่ว่าอาจจะมีความแหลมของเสียงที่มากไปสักหน่อย ทั้งหมดสามารถปรับผ่าน Equilzer ในโปรแกรม Samsung Galaxy Buds Live สำหรับ iOS และ Galaxy Wearable สำหรับ Android
คุณภาพเสียงในการคุยสายสนทนา
การพัฒนาของ Samsung Galaxy Buds ไม่ได้ทำให้แค่การฟังเพลงเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของคุณภาพเสียงสนทนาด้วยครับ ด้วยการติดตั้ง Voice Pickup Unit ทำให้คุณภาพเสียงในการพูดคุยนั้นดี และลดเสียงรบกวนเมื่อเราพูดอยู่ได้ รวมถึงยังจับข้อมูลจากการสั่นสะเทือนจากขากรรไกรเปลี่ยนเป็นเสียงให้คุณภาพที่เหนือขึ้นไปอีก และใช้ร่วมกับฟีเจอร์ Pro Video กับมือถือ Samsung ได้อีกด้วย
ฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจ
นอกจากคุณภาพเสียงแล้ว Samsung Galaxy Buds Live ยังอัดฟีเจอร์ชนิดว่า ครบเครื่องไม่ว่าจะเป็น
- สามารถเรียกการสั่งงาน Bixby Voice เพื่อจัดการงานได้ทั้ง จัดการสายโทรเข้าออก, ปรับระดับเสียง หรือตรวจสอบสภาพอากาศขณะที่คุณเดินทาง หรือจะเปลี่ยนเพลงได้ ทั้งหมดต้องไปเปิดผ่าน Application และการสั่งงานแค่แตะหูฟังค้างไว้
- ฟีเจอร์ Buds Together สามารถแชร์เสียงโดยไม่ต้องให้คุณเชื่อมต่อกับ มือถือของคุณ การทำงานของฟีเจอร์นี้ต้องเปิดฟีเจอร์ Music Share ถึงจะทำงานฃ
Apps ควบคุมหูฟัง
อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นว่า Samsung Galaxy Buds Live มีโปรแกรมควบคุมจากมือถือที่มีชื่อว่า Samsung Galaxy Buds live สำหรับ iOS และ Samsung Galaxy Wearable สำหรับ Android ทั้งคู่เป็นโปรแกรมที่ใช้งานง่ายและฟีเจอร์คล้ายกัน เริ่มต้นกับการเชื่อมต่อครั้งแรก จะมีการแสดงผลทั้งการยินยอมว่าหากการทำงานของ Apps มีปัญหา ให้รายงานอัตโนมัติ หรือไม่, วิธีการใส่หูฟัง หรือจะเป็นการแจ้งเตือนเพื่ออัปเดตหูฟัง
เมื่อดูในเรื่องฟีเจอร์ทั่วไปแล้ว Apps สามารถควบคุมหูฟังและรายงานสถานะได้ไม่ว่าจะเป็น
- การแสดงสถานะแบตเตอรี่ทั้งหูฟัง และ กล่องหูฟัง
- การปรับรูปแบบเสียง หรือ Equilzer
- ฟีเจอร์การเปลี่ยน Touchpad ที่หูฟัง สามารถเลือกได้ดังนี้
- การปิด-ปิด Active Noise Canceling
- คำสั่งเสียง(Voice Command)
- ปรับระดับเสียง แบ่งเป็น ข้างขวา-จะเป็นการเพิ่มระดับเสียง, ข้างซ้าย-เป็นการลดระดับเสียง
- Lab ฟีเจอร์ใหม่ที่กำลังทดสอบเช่นการเปิดให้หูฟังรองรับกับการเล่นเกม กลางคือจะตอบสนองได้ไวมาก, การเปิด Ambient Sound ทำให้เสียงจะภายนอกเข้ามาได้เพื่อลดความกดอากาศ
- ตามหาหูฟัง
- คู่มือการใช้งาน
ทั้งหมดนี้เหมือนกันทั้ง Android และ iOS
แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟ
ฟังมาและเล่นฟีเจอร์มาสักพักแล้วหลายคนคงกลัวเรื่องหูฟังรุ่นนี้แบตฯ หมดเร็วแน่นอน Samsung Galaxy Buds Live มีแบตเตอรี่สามารถใช้งานฟังได้ต่อเนื่อง 6 ชั่วโมง และรวมกับกชาร์จกับแท่นชาร์จสามารถใช้งานได้นานสุด 21 ชั่วโมง เรียกได้ว่าใช้บินไปต่างประเทศระยะเวลายาวนานๆ ได้อย่างสบาย
แถมยังมีโหมด Quick Charge ที่หูฟัง โดยรองรับการชาร์จไฟ 5 นาที สามารถฟังเพลงได้ 1 ชั่วโมง แต่ถ้าชาร์จให้เต็มก็ไม่ได้ใช้เวลามากนัก แค่ 40 นาทีก็เต็มแล้ว
ส่วนกล่องของหูฟังนั้นรองรับการชาร์จไฟทั้งแบบเสียบสาย ผ่าน USB-C และ Wireless Charging ได้ด้วย
สรุปให้ฟังหลังได้ทดลองใช้งาน Samsung Galaxy Buds Live เกือบๆ เดือน
อย่างที่พูดมาตลอดว่าดีไชน์ใหม่ของ Samsung Galaxy Buds Live อาจขัดกับความรู้สึกของหลายๆ คนที่ได้เห็นมันครั้งแรก อาจเพราะดีไชน์ใหม่นี้เป็นเจ้าแรกที่ทำ โดยส่วนตัวจากการใช้งานจุดเด่นที่ต้องยกให้เลยคือเรื่องการเชื่อมต่อที่ไวมากเพราะมาพร้อมกับ Bluetooth 5.0 จึงเรียกได้ว่าหมดห่วงเรื่องแบตเตอรี่
สำหรับใครที่สงสัยว่า เอ๊ะ! แล้วหูฟังรุ่นนี้หาเราโทรผ่านหูฟัง แล้วจะทำงานได้ดีหรือไม่ เพราะเราเชื่อว่าหากคนที่เคยใช้หูฟังแบบนี้ มักกังวลเรื่องความเสถียรของการใช้งานหากต้องนำมันมาเป็นอุปกรณ์เสริมในการคุยสาย
ส่วนตัวหลังจากที่ได้ทดลองใช้งาน Galaxy Buds Live มาเกือบเดือนและบอกไว้ตรงนี้เลยว่าหูฟังมือถือของเราพังดังนั้นเกือบทุกครั้งที่ใช้ Galaxy Buds Live โทรออกหรือรับสาย มันสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้ค่อนข้างดีครับ อีกทั้งมันยังมาพร้อมกับความสามารถในการตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation (ANC) คุณภาพสูงเข้าในหูฟังทั้ง 2 ข้าง ทำให้เสียงระหว่างสนทนานั้นมีความชัดเจน ปลายทางได้ยินเราชัดเจนและตัวเราเองก็คุยสายได้ดี อีกฝั่งได้ยินและสามารถคุยกันรู้เรื่อง(สบายใจได้)
การเล่นเกมและดูสตรีมมิ่ง ไหนๆ เราจะต้องเสียเงินซื้อของราคาระดับนี้ไว้ใช้งานแล้วเราก็ทดลองเล่นให้ครบเลยละกัน เรื่องที่จะเล่าต่อไปคือการนำหูฟังของ มาการทดสอบเล่นเกมส์และดูซีรี่ส์อย่าง WeTv ผลที่ได้คือประทับใจนะเสียงดีและไม่มีอาการดีเลย์ให้หงุดหงิดเลย
อีกเรื่องที่อยากจะบอกว่าวิศวกรของ Samsung ทำงานออกมาได้ดีมากคือ Galaxy Buds Live สามารถใส่ติดหูได้เป็นระยะเวลานานๆ โดยที่ไม่ทำให้รู้สึกล้า โครงสร้างตัวหูฟังของ Samsung Galaxy Buds Live รุ่นนี้ได้รับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อช่วยให้ตัวหูฟังนั้นรองรับกับสรีระของหูในหลากหลายรูปแบบ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตัวหูฟังรุ่นนี้ถึงมาการสวมใส่นานๆ ได้โดยไม่รู้สึกอึดอัดครับ ใส่สบาย ไม่หลุดร่วงง่าย
แต่อย่างที่บอกครับว่าสำหรับความพึงพอใจ ดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบมันมาจากรสนิยมส่วนตัวล้วนๆ ดังนั้นผมหวังเพียงแค่ว่าบทความนี้จะเป็นตัวช่วยในการประกอบการตัดสินใจใครหลายๆ ที่กำลังมองหาหูฟังแบบนี้ไว้ใช้งาน (อย่าเอารีวิวผมเป็นตัวตัดสินใจ และอย่าตำหนิผมหากคุณได้ลองเล่นแล้วเราจะรู้สึกไม่เหมือนกัน)
อย่างที่ทราบกันดีแหละครับว่าตอนนี้ในท้องตลาดมีหูฟังแบบนี้หลายค่าย หลายรุ่นให้เราได้เลือกหามาใช้งานมากมาย ดังนั้นออกไปลองเล่นและทดลองฟังกันก่อนจะเป็นการดีที่สุด เพราะของพวกนี้ราคาก็ไม่ถูกเลย ส่วนที่ถูกหลักร้อยเชื่อเถอะว่าคุณภาพมันคนละเรื่องกับของพวกนี้จริงๆ หากเราต้องเสียเงินแล้วผมก็หวังให้คุณได้สินค้าดี และมีอายุการใช้งานนานๆ ไว้ใช้กัน
ทั้งนี้ Samsung Galaxy Buds Live มีให้เลือกถึง 3 สีสุดคลาสสิค Mystic Bronze (มิสติกบรอนซ์), Mystic White(มิสติกไวท์) และ Mystic Black (มิสติกแบล็ก) ที่จะช่วยเติมสัมผัสวิบวับให้กับลุคของคุณในราคา 6,990 บาท หาคุณเป็นคนที่อยากใช้หูฟังที่ครบจบในตัวนี้ รุ่นนี้ถือว่ายังเป็นอีกตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามครับ
"มันใช้งานได้" - Google News
September 14, 2020 at 02:20PM
https://ift.tt/3kgd6Xm
รีวิว Samsung Galaxy Buds Live หูฟังทรงถั่วรุ่นล่าสุด(ของจริงสวยกว่าในภาพเยอะมาก) - Sanook
"มันใช้งานได้" - Google News
https://ift.tt/357dMYK
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://ift.tt/3c5Fzvo
Bagikan Berita Ini
0 Response to "รีวิว Samsung Galaxy Buds Live หูฟังทรงถั่วรุ่นล่าสุด(ของจริงสวยกว่าในภาพเยอะมาก) - Sanook"
Post a Comment